ครม.อนุมัติงบกลางเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

“เกณิกา” เผย ”ครม.“ อนุมัติหลักการกรอบวงเงินรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค.

7 พ.ค.2567 - ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (7 พ.ค.) มีมติอนุมัติหลักการกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค. 2567 (งานเฉลิมพระเกียรติฯ) จำนวน 700 ล้านบาท โดยการเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดและค่าใช้จ่ายของภารกิจที่ได้รับมอบหมาย และนำเสนอคณะกรรมการฝ่ายกลั่นกรองการขอใช้งบประมาณ งานเฉลิมพระเกียรติฯ ให้ความเห็นชอบเมื่อส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบผลการพิจารณาแล้วให้นำเสนอรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล พิจารณาให้ความเห็นชอบและดำเนินการขอรับจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณ (สงป.) โดยตรง ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2562 ต่อไป

น.ส.เกณิกา กล่าวว่า สาระสำคัญของเรื่องคือสำนักงานปลัดนายกรัฐมนตรี (สปน.) รายงานว่า คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2566 (นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน) มีมติมอบหมายให้คณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ เตรียมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ ในด้านงานพิธีการ การจัดโครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ และการจัดงานอื่น ๆ ในนามรัฐบาล ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติทุกประการ และต่อมาในการประชุมครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2567 มีมติเห็นชอบมอบหมายให้ สปน. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติในหลักการให้ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น กรอบวงเงินทั้งสิ้น 700 ล้านบาท แบ่งเป็นกรอบวงเงินที่คณะกรรมการฝ่ายกลั่นกรองการขอใช้งบประมาณ งานเฉลิมพระเกียรติฯ ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการแล้ว จำนวน 7 รายการ วงเงิน 304.82 ล้านบาท และกรอบวงเงินที่ยังไม่ได้มีการพิจารณากลั่นกรองฯ จำนวน 395.18 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ ในช่วงก่อนและหลังวันที่ 28 ก.ค. 2567 เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ สรุปได้ ดังนี้

1. กรอบวงเงินงบประมาณที่คณะกรรมการกลั่นกรองการขอใช้งบประมาณ งานเฉลิม พระเกียรติฯ เห็นชอบในหลักการแล้ว 304.82 ล้านบาท (1) คณะกรรมการฝ่ายจัดพิธีการ งานเฉลิมพระเกียรติฯ 283.07 ล้านบาท (1.1) คณะอนุกรรมการฝ่ายจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค 231.48 ล้านบาท 1) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเฉลิมพระเกียรติฯ ในการเตรียมความพร้อมการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในการพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน 179.85 ล้านบาท หน่วยงานที่รับผิดชอบ กระทรวงกลาโหม (กองทัพเรือ) 2) การจัดสร้างเครื่องแต่งกายสำหรับใช้ในงานพระราชพิธีริ้วขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารค 3.63 ล้านบาท หน่วยงานที่รับผิดชอบ สำนักพระราชวัง 3) ค่าใช้จ่ายในงานซ่อมแซมเรือพระราชพิธีและงานประดับตกแต่งอาภรณ์ภัณฑ์เรือพระราชพิธี 48.00 ล้านบาท หน่วยงานที่รับผิดชอบ กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.)

(1.2) คณะอนุกรรมการฝ่ายจัดทำน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ สำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ 17.20 ล้านบาท หน่วยงานที่รับผิดชอบ กระทรวงมหาดไทย (มท.) (1.3) การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดีย มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย เฉลิมพระเกียรติฯ 34.40 ล้านบาท หน่วยงานที่รับผิดชอบ วธ. (กรมการศาสนา)

(2) คณะกรรมการฝ่ายจัดทำหนังสือจดหมายเหตุและหนังสือที่ระลึก งานเฉลิม พระเกียรติฯ 21.75 ล้านบาท (2.1) ค่าใช้จ่ายในการจัดทำหนังสือจดหมายเหตุและหนังสือที่ระลึก 19.75 ล้านบาท หน่วยงานที่รับผิดชอบ : วธ. (กรมศิลปากร) (2.2) ค่าใช้จ่ายในการจัดทำหนังสือที่ระลึกพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ 2.00 ล้านบาท หน่วยงานที่รับผิดชอบ มท.

2. กรอบวงเงินงบประมาณที่ยังไม่ได้มีการพิจารณากลั่นกรองจากคณะกรรมการฝ่ายกลั่นกรองขอใช้งบประมาณงานเฉลิมพระเกียรติฯ ซึ่งใช้สำหรับสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการ ฝ่ายฯ คณะอนุกรรมการฝ่ายฯ หรือหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายภารกิจ 395.18 ล้านบาท หน่วยงาน ที่รับผิดชอบ กระทรวงการต่างประเทศ มท. สปน. กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ในการเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดและค่าใช้จ่ายของภารกิจที่ได้มอบหมายในช่วงก่อนและหลังวันที่ 28 ก.ค. 2567 และนำเสนอคณะกรรมการฝ่ายกลั่นกรองการขอใช้งบประมาณงานเฉลิมพระเกียรติฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่กำหนด เช่น (1) เป็นภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ (2) ไม่มีงบประมาณของหน่วยงานรองรับ และ/หรือหน่วยงานไม่สามารถปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยงานได้ หรือสามารถปรับแผนฯ ได้ แต่งบประมาณ ไม่เพียงพอในการดำเนินการ เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณ (สงป.) โดยตรง ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2562

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เกณิกา' เผยโครงการจ้างงานสร้างรายได้เสริมกับกรมชลฯ ยอดเข้าร่วมกว่า 4 หมื่นคน

น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากนโยบายของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

'ภูมิธรรม' ยันยังไม่เลิก 'ไร่ละพัน' แจง 'ปุ๋ยคนละครึ่ง' หวังช่วยชาวนาอีกทาง

'ภูมิธรรม' แจงไม่ได้ยกเลิกไร่ละพัน พร้อมดึงกลับมาใช้ถ้าราคาข้าวตก ย้ำคนละส่วนกับปุ๋ยคนละครึ่ง ชี้ สส. รุมค้าน เหตุไม่เข้าใจถ่องแท้ไปฟังเกษตรกรมา

'บอร์ดดิจิทัลวอลเล็ต' เคาะแหล่งที่มาเงิน 4.5 แสนล้าน ไม่ง้อ ธ.ก.ส. ชง ครม. 23 ก.ค.

'บอร์ดดิจิทัลวอลเล็ต' เคาะงบ 4.5 แสนล้าน แจก 45 ล้านคน ตัดงบ ธ.ก.ส. ชง ครม. สัปดาห์หน้า แถลงใหญ่ 24 ก.ค. ยันลงทะเบียนไตรมาส 3 โอนเงินไตรมาส 4

‘เกณิกา’ โชว์ผลงานกวาดล้างเว็บพนันออนไลน์ทลายเครือข่าย ‘แม่มนต์’ 

”เกณิกา”เผย ผลงาน รบ.เร่งปฏิบัติกวาดล้างเว็บพนันออนไลน์ ทลายเครือข่าย"แม่มนต์" พบยอดเงินหมุนเวียนกว่า 5,000 ล้าน

เพื่อไทยอ้าง 'งบกลาง' ยังมีพอใช้ฉุกเฉิน ดิจิทัลวอลเล็ตเอามาแค่ 4.3 หมื่นล้าน!

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ฝ่ายค้านตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีถึงการใช้งบกลาง 43,000 ล้านบ

'จักรพงษ์' แจงหั่นงบกลางฉุกเฉินใช้ดิจิทัลวอลเล็ต ยังเหลือ 1.5 หมื่นล้านรองรับภัยพิบัติ

นายจักรพงษ์ แสงมณี รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงบประมารณ กล่าวชี้แจงถึงกรณีการนำงบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่มีอยู่ทั้งสิ้น 996,000 ล้านบาท