16 เม.ย.2567- ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ นโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ที่ปรึกษามูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชน ที่ตั้ง ณ มหาวิทยาลัยมหิดล และศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยจอร์ชทาวน์ ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์กับการจัดการความเสี่ยง (Cybersecurity and Risk Management) เปิดเผยผลการศึกษาเรื่อง “รุกฆาต แก๊งคอลฯ” ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 10 – 15 เมษายน พ.ศ.2567 ที่ผ่านมา พบข้อเท็จจริง และแนวทางแก้ไข ตามแผนภาพ ดังนี้
ข้อเท็จจริง: ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และมิจฉาชีพออนไลน์ กำลังเดินหน้าสร้างความเดือดร้อนในหมู่ประชาชนทั่วประเทศโดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีคดีมิจฉาชีพออนไลน์เกิดขึ้นร่วม 5 แสนคดี แบ่งกลุ่มประเภทและความเสียหายออกได้เป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ (1) กลุ่มหลอกลวงแบบเป็นขบวนการ สร้างความเสียหายกว่า 3.3 หมื่นล้านบาท (2) กลุ่มหลอกลวงแบบไม่เป็นขบวนการ สร้างความเสียหายกว่า 5.5 พันล้านบาท (3) กลุ่มข่มขู่ให้กลัว สร้างความเสียหายกว่า 7.9 พันล้านบาท (4) กลุ่มโจรไซเบอร์กระทำต่อระบบ สร้างความเสียหายกว่า 7.5 พันล้านบาท และ (5) กลุ่มมิจฉาชีพออนไลน์อื่น ๆ สร้างความเสียหายกว่า 1 หมื่นล้านบาท รวมแล้วกว่า 6 หมื่นล้านบาท
ล่าสุด พบอีก ความเดือดร้อนของประชาชนจากมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โจรไซเบอร์ที่เข้ามาดูดเงินของประชาชนในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเสียหายกว่า 1.5 พันล้านบาท แต่ธนาคารอายัดบัญชีของมิจฉาชีพได้ทันเพียง 11 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.7 เท่านั้นที่ธนาคารต่าง ๆ สามารถรักษาเงินของประชาชนเอาไว้ได้ซึ่งน้อยกว่าร้อยละ 1 แสดงให้เห็นว่า มิจฉาชีพออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โจรไซเบอร์เอาเงินของประชาชนออกไปได้สำเร็จสูงถึงร้อยละ 99.3 ของมูลค่าเงินทั้งหมดที่ประชาชนฝากไว้กับธนาคาร ความรับผิดชอบจึงตกอยู่ที่ธนาคารผู้รับฝากเงินของประชาชน สอดคล้องกับผลสำรวจของซูเปอร์โพลที่ค้นพบความคิดเห็นของประชาชนว่า ผู้ที่ต้องรับผิดชอบมากที่สุดคือ ธนาคาร รองลงมาคือ มิจฉาชีพออนไลน์ อันดับสามคือ ตัวประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อเอง อันดับสี่คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย และอันดับห้าคือ ตำรวจ
ตำรวจจึงไม่ใช่แพะรับบาปเพียงลำพัง แต่ผู้ที่ต้องเข้ามาร่วมรับผิดชอบแถวหน้าด้วยคือ ธนาคารพาณิชย์ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ควรหันหน้ามาช่วยเหลือประชาชน ทำให้เกิดการขึ้นบัญชีดำ อายัดบัญชีม้า ชะลอเงินของประชาชนไหลออกไปเพราะเงินเหล่านั้นคือ หยาดเหงื่อแรงกาย หยดน้ำตาของคนหาเช้ากินค่ำ และตำรวจกับเหยื่อ ก็ช่วยกันอย่างเต็มที่แล้ว ยิ่งเมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงจะพบว่า หน้างานที่ล้นมือของตำรวจมีคดีมิจฉาชีพออนไลน์ร่วม 5 แสนคดีแต่มีพนักงานสอบสวนทำคดีออนไลน์เพียงหลักร้อย หลักพันเท่านั้น จึงจำเป็นต้องใช้ระบบเทคโนโลยี คน กลไก และการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาแก้ไขเร่งด่วน
ทางแก้ไข: จากนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เร่งรัดจัดการกับมิจฉาชีพออนไลน์ เว็บพนัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมไซเบอร์ทุกรูปแบบให้เกิดผลงานภายใน 30 วัน สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนที่ต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ถูกหลอกลวงโดยมิจฉาชีพออนไลน์ และล่าสุดกองบัญชาการสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางร่วมกับกรมศุลกากร สามารถตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์-เว็บพนันออนไลน์ ยึดอุปกรณ์ของกลางได้กว่า 6,000 ชิ้น
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากมิจฉาชีพออนไลน์ เว็บพนัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์และโจรไซเบอร์ ยังคงเกิดขึ้นทุกวันอย่างต่อเนื่องตามที่ปรากฏในข้อเท็จจริงเบื้องต้น ดังนั้น แนวทางแก้ไขปัญหาแบบ “รุกฆาต แก๊งคอลฯ” และการขึ้นบัญชีดำ อายัดบัญชีม้า ชะลอการไหลของเงินได้ทันที มีทางแก้ไขในส่วนของตำรวจและส่วนของธนาคารและภาคีเครือข่ายอื่น ๆ บนฐานคติและตรรกะใหม่แห่งข้อเสนอเชิงนโยบาย ดังนี้ (1) ในส่วนของ “ตำรวจ” ใช้โมเดล “ตำรวจของประชาชน” ผ่านระบบเทคโนโลยี ป้องกัน ช่วยเหลือ แก้ปัญหาได้ไวให้อยู่ในฝ่ามือของเจ้าหน้าที่และประชาชน เพื่อชนะสองกลุ่มความท้าทาย คือ อาชญากรรมทางไซเบอร์ และ แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง โดยมียุทธศาสตร์สามด้าน ได้แก่ (1) ด้านธรรมาภิบาล (2) ด้านคน กับ กระบวนการแบบ shortcut รัดขั้นตอน และ (3) ด้านเทคโนโลยี
รายละเอียดคือ ด้านธรรมาภิบาล ผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติกระจายหน้าที่พร้อมความรับผิดชอบและความรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ไปยังศูนย์ควบคุมและสั่งการระดับกองบัญชาการ กองบังคับการ สน.และ สภ. โดยเสริมสร้างคนที่มีไฟและแรงบันดาลใจเป็นเนื้อเดียวกันมุ่งมั่นทำงานหนักเพื่อประชาชนเช่นเดียวกับผู้บริหาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทนแรงกดดัน ฟื้นตัวเร็ว สามารถระบุความเสี่ยง ป้องกัน ปราบปราม แก้ และกู้ได้ และใช้ระบบเทคโนโลยี จับตา ตรวจจับ แจ้งเตือน รับแจ้งความเปิดคดี ติดตาม และรายงานความก้าวหน้าผ่านระบบเทคโนโลยีที่เป็นแบบเรียลไทม์ เชื่อมประสานกับธนาคารและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อขึ้นบัญชีดำ อายัดบัญชีม้า ชะลอการไหลของเงินได้ทันที เพราะตำรวจมีเป้าหมายตามบัญชาของ นายกรัฐมนตรี ในกรอบเวลาคาดว่าช่วง 30 วันแรกจะมีผลงานเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 15 และในช่วงเดือนกันยายนจะมีผลงานความสำเร็จสูงขึ้นถึงร้อยละ 70 โดยมีความพร้อมของ คน กลไก และเทคโนโลยี เริ่มจากร้อยละ 20 ในเดือนเมษายนไปอยู่ที่ร้อยละ 80 ในเดือนมิถุนายน ตามแผนภาพที่ปรากฏ
(2)ในส่วนของ “ธนาคาร” และ “ภาคีเครือข่าย” ใช้มาตรการ รุกฆาต แก๊งคอลฯ ขึ้นบัญชีดำ อายัดบัญชีม้า หยุดการไหลของเงินได้ทันที ทำให้ มิจฉาชีพออนไลน์ยอมแพ้เพราะต้นทุนและความเสี่ยงสูง ผู้ร่วมขบวนการถูกดำเนินคดีไม่มีหนทางทำธุรกรรมทางการเงิน โดยธนาคารและเครือข่ายสามารถจัดการขบวนการมิจฉาชีพออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์และโจรไซเบอร์ ตามโมเดล “ภาพใหญ่” ในแผนภาพแนบ ด้วยการแบ่งหน้าที่และความรับผิดชอบต่อหน้าที่และความรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ (Accountability) ที่เริ่มจาก ธนาคาร ตัดเส้นทางการเงิน โดยทำร่วมกับตำรวจทั้งตำรวจไซเบอร์/ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) /สน./สภ. มีแพลตฟอร์มการเปิดคดีที่กระชับใช้เวลาสั้น ๆ เร็วต่อการจัดการขึ้นบัญชีดำกลุ่มมิจฉาชีพออนไลน์ และจัดการแจ้งเตือนไปยังธนาคารและธนาคารสามารถตัดเส้นทางการเงิน ชะลอการไหลของเงินได้ทันทีด้วยหลากหลายวิธี เช่น การยืนยันตัวตนในการโอนเงิน และการจัดการทางเทคนิคต่าง ๆ ที่ธนาคารและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายให้ดำเนินการได้จนถึงการปิดคดี
ในระยะสั้น การจัดการกับบัญชีดำ อายัดบัญชีม้า ยังสามารถดำเนินการต่อเนื่องเพื่อสกัดกั้นการฟื้นตัวของมิจฉาชีพออนไลน์ผ่านกระบวนการยุทธวิธีงานตำรวจ และในระยะยาว รัฐสภาและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ควรปรับปรุงกฎหมายให้ทันและล้ำหน้าการทำงานของมิจฉาชีพออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และโจรไซเบอร์ สร้างกลไกการทำงานที่รวดเร็ว แม่นยำ และคุ้มครองเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยเหลือประชาชนผู้บริสุทธิ์ให้ปลอดภัย ตามแผนภาพแสดงขั้นตอนจัดการบัญชีดำ อายัดบัญชีม้า ชะลอการโอนเงินของบัญชีม้า ผลที่ตามมาคือ ความปลอดภัยในเม็ดเงินของประชาชนที่ให้ความไว้วางใจฝากไว้กับธนาคารจะเพิ่มสูงขึ้น และเงินของประชาชนผู้ยากไร้จะไหลออกไปสู่มือมิจฉาชีพออนไลน์และออกไปนอกประเทศจะน้อยลง กลุ่มมิจฉาชีพออนไลน์ก็จะหันไปทำที่อื่น ด้วยหลักคิดและแนวทางปฏิบัติที่เสนอมาข้างต้น นโยบายเร่งด่วนของ นายเศรษฐา ทวีสิน ที่สั่งการมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้แสดงผลงาน จึงควรจะขยายข้อสั่งการไปยัง ธนาคารของรัฐ ให้แสดงผลงานเช่นกัน เช่น ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและธนาคารของรัฐอื่น ๆ เพื่อทำให้ประชาชนเกิดความวางใจ ว่า ธนาคารของรัฐ สามารถรักษาเงินของประชาชนไว้ได้สำเร็จมากขึ้น ให้เป็นตัวชี้วัดของการกำกับดูแลกิจการที่ดีของผู้บริหารธนาคารรัฐทุกระดับชั้น และกลายเป็นต้นแบบตัวอย่างที่ดีให้ธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ ของเอกชนเกิดความตื่นตัวช่วยเหลือรักษาเงินของประชาชนรวดเร็วขึ้นกว่าทุกวันนี้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สส.ปชน. ถามมาตรการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ข้องใจ 'ทักษิณ' บอกจะช่วยจัดการ
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม พิจารณาวาระกระทู้ถามทั่วไป ของนายธีรัจชัย พันธุมาศ สส. กทม. พรรคประชาชน
'กัณวีร์' ฝากการบ้าน 'ทักษิณ' ช่วยเหยื่อค้ามนุษย์ 361 ชีวิตก่อนปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์
นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม โพสต์รูปพร้อมเนื้อหา
ผอ.ศูนย์ปราบอาชญากรรมไซเบอร์ ยินดี 'ทักษิณ' จะช่วยจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์
พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เปิดเผยภายหลังหารือกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' ฝากคนสะกิดพ่อนายกฯ พูดกร่างเป็นนักเลงโตระวังเจอขาประจำ
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
ระวังมิจฉาชีพ 'ตำรวจ' ย้ำอายัดเงินเองได้ ไม่ต้องโอนมาให้ตรวจสอบ
ย้ำเตือนตำรวจอายัดเงินเองได้ ไม่ต้องโอนมาให้ตรวจสอบ หากมีตำรวจวิดีโอคอลให้โอนเงินคือมิจฉาชีพ
เด็ดปีก 'มังกรเทาดำ' ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดทรัพย์ 152 ล้าน
ตำรวจภาค 2 เด็ดปีก 'มังกรเทาดำ' ทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เปิดบริษัทฟอกเงิน ยึดทรัพย์คฤหาสน์-รถหรู 152 ล้านบาท