ศาลปค.สูงสุด สั่งยืนไม่รับคำฟ้องขอพิจารณาคดีใหม่ของนิติบุคคลอาคารชุดแอชตัน อโศก ชี้ไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสีย ระบุหากมองถูกกระทบสิทธิการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ยื่นฟ้องศาลได้
10 เม.ย.2567 - ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลางไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของนิติบุคคลอาคารชุด แอชตัน อโศก ไว้พิจารณา
โดยคดีดังกล่าวนิติบุคคลอาคารชุดแอชตันอโศก ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครอง หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเพิกถอนใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอนหรือเคลื่อนย้ายอาคาร หรือเปลี่ยนการใช้อาคารโครงการอาคารชุด แอชตัน อโศก โดยให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่ออกหนังสือฉบับดังกล่าวลงวันที่ 23 ก.พ.58 โดยอ้างว่าคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดดังกล่าวมีผลกระทบต่อการจดทะเบียนอาคารชุด แอชตัน อโศก หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด และการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับห้องชุด ทำให้นิติบุคคลอาคารชุดแอชตัน และเจ้าของร่วมไม่สามารถเข้าไปดูแลรักษาทรัพย์สินส่วนกลางและทรัพย์สินส่วนบุคคลได้ และการรื้อถอนอาคารชุดจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่นิติบุคคลอาคารชุดแอชตันและเจ้าของร่วมในอาคารชุด แอชตัน อโศก อย่างร้ายแรงจนยากแก่การเยียวยา และความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากผลแห่งคำพิพากษาดังกล่าวจะขยายวงกว้างออกไปมากกว่าเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนที่ฟ้องคดีจะได้รับ
ส่วนเหตุผลที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งดังกล่าวระบุว่าที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งที่ 351/2567 วินิจฉัยว่า การที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาเพิกถอนใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้างฯ และใบรับแจ้งการก่อสร้างฯ ที่ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร ออกให้แก่บริษัทอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ทู จำกัด มีผลในทางกฎหมายเพียงว่า บริษัทอนันดาฯ ก่อสร้างและดัดแปลงอาคารชุดโครงการ แอชตัน อโศก โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นต้องไปพิจารณาดำเนินการตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร 2522 ต่อไป แต่ไม่ได้มีผลเป็นการเพิกถอนการจดทะเบียนอาคารชุด หนังสือกรรมสิทธิ์ในห้องชุด และการจดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุดของโครงการ แอชตัน อโศก แต่อย่างใด หากข้อเท็จจริงปรากฏภายหลังว่า เจ้าพนักงานท้องถิ่นได้ใช้อำนาจดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าวกับอาคารโครงการแอชตัน อโศก ก็ไม่เป็นการตัดสิทธินิติบุคคลอาคารชุดแอชตันฯและเจ้าของร่วมจะใช้สิทธิทางศาลต่อไป
กรณีจึงไม่อาจถือได้ว่า คำพิพากษาของศาลปกครองในคดีนี้มีผลกระทบต่อสิทธิและหน้าที่ของนิติบุคคลอาคารชุดแอชตัน ฯและเจ้าของร่วมอาคารชุด โครงการแอชตัน อโศก ดังนั้นนิติบุคคลอาคารชุด แอชตันฯ จึงไม่ใช่บุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียหรืออาจถูกกระทบจากผลแห่งคดีนี้ในอันที่จะมีสิทธิยื่นคำขอให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาคดีหรือมีคำสั่งชี้ขาดคดีปกครองนั้นใหม่ได้ ตามมาตรา 75 วรรคหนึ่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542
เมื่อไม่ใช่บุคคลภายนอก ผู้มีส่วนได้เสียหรืออาจถูกกระทบจากผลแห่งคดีนี้แล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่า มีเหตุที่ศาลปกครองจะพิจารณาคดีนี้ใหม่ได้ตามมาตรา 75 วรรคหนึ่ง (1) ถึง (4) ตามอุทธรณ์ของนิติบุคคลอาคารชุดแอชตัน ฯหรือไม่ เพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป จึงมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลางที่ไม่รับคำขอของนิติบุคคลอาคารชุดแอชตันไว้พิจารณา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มาแล้ว! ศาลปกครอง ร่อนเอกสารชี้แจงปม 'บิ๊กโจ๊ก' ยังไม่มีคำพิพากษาใดๆ
ศาลปกครอง เผยแพร่เอกสารชี้แจง กรณีที่มีสื่อมวลชนนำเสนอผลการพิจารณาคดีของศาลปกครองสูงสุด ในคดีที่พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ยื่นฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน นั้น
ชาวบ่อทอง ชลบุรี เฮ!ศาลปกครองสูงสุดสั่งเพิกถอนใบอนุญาตโรงงานยางพาราแล้ว
ที่ศาลปกครองสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า ตามที่ชาวบ้านบ้านหนองใหญ่-ทับสูง ตำบลบ่อทอง อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี
ผบ.ตร. ไม่ขอก้าวล่วง ศาลปกครองสูงสุด ชี้ขาด 'บิ๊กโจ๊ก' ขอคุ้มครองชั่วคราว
พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลปกครองยกคำร้องคุ้มครองชั่วคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ว่า ตนขอให้ความเห็นแบบกว้าง ๆ
ศาลปกครองสูงสุด ปิดเงียบผลชี้ขาดคดีบิ๊กโจ๊ก สั่งเก็บหลักฐานฟันสื่อละเมิดอำนาจศาล
นายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานการประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด
จบแล้วบิ๊กโจ๊ก! สะพัด ศาลปกครองสูงสุด ชี้คำสั่ง 'ให้ออกจากราชการ' ชอบด้วยกฎหมาย
ที่ศาลปกครองกลาง ถ.เเจ้งวัฒนะ มีการประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด โดยนายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานการประชุม
'กูรูใหญ่' จับตา ป.ป.ช. อาจจะติดคุกทั้งคณะ หากศาลอาญาทุจริตรับฟ้อง ปม 'วีระ' ฟ้องหลายกระทง
นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย และอดีตกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า