1 ม.ค.2565 - เพจเฟซบุ๊ก สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ชวนชมปรากฏการณ์ "ฝนดาวตกควอดรานติดส์ ต้อนรับปีใหม่" หลังเที่ยงคืนของวันที่ 3 มกราคม 2565 ตั้งแต่เวลา 02:00 น. เป็นต้นไป จนถึงรุ่งเช้าของวันที่ 4 มกราคม 2565 จะเกิดปรากฏการณ์ "ฝนดาวตกควอดรานติดส์" ศูนย์กลางการกระจายอยู่ระหว่างกลุ่มดาวเฮอร์คิวลีส (Hercules) กลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์ (Boötes) และกลุ่มดาวมังกร (Draco) เริ่มสังเกตได้ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จากนั้นศูนย์กลางจะค่อย ๆ เคลื่อนมากลางฟ้า ปีนี้คาดมีอัตราการตกสูงสุด 120 ดวงต่อชั่วโมง และมีอัตราการตกมากที่สุดเวลาประมาณ 03:40 น. ประกอบกับคืนดังกล่าวไม่มีแสงจันทร์รบกวน จึงเหมาะแก่การสังเกตการณ์เป็นอย่างยิ่ง แนะนำเลือกสถานที่ท้องฟ้ามืดสนิทไม่มีแสงไฟรบกวน สามารถดูได้ด้วยตาเปล่า ไม่จำเป็นต้องชมผ่านกล้องโทรทรรศน์
ฝนดาวตกควอดรานติดส์ เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 28 ธันวาคม - 12 มกราคม ของทุกปี เกิดจากการที่โลกเคลื่อนที่ตัดเข้ากับสายธารเศษอนุภาคที่ดาวเคราะห์น้อย 2003 อีเอช1 (2003 EH1) เหลือทิ้งไว้ขณะเดินทางผ่านเข้ามาในระบบสุริยะชั้นในทุก ๆ 5.5 ปี เมื่อโลกโคจรผ่านเส้นทางดังกล่าว แรงดึงดูดของโลกจะดึงฝุ่นและหินเข้ามาเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศโลกเกิดเป็นลำแสงวาบ หรือในบางครั้งเกิดเป็นลูกไฟขนาดใหญ่เรียกว่า (Fireball)
ฝนดาวตกแตกต่างจากดาวตกทั่วไป คือ เป็นดาวตกที่มีทิศทางเหมือนมาจากจุด ๆ หนึ่งบนท้องฟ้า เรียกว่า จุดศูนย์กลางการกระจาย (Radiant) เมื่อจุดศูนย์กลางการกระจายตรงหรืออยู่ใกล้เคียงกับกลุ่มดาวใด ก็จะเรียกชื่อฝนดาวตกตามกลุ่มดาวนั้นๆ สำหรับฝนดาวตกควอดรานติดส์ ตั้งชื่อตามกลุ่มดาวควอดแดรนส์ มูราลิส (Quadrans Muralis) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่ากลุ่มดาวเครื่องมือเดินเรือ ซึ่งเป็นกลุ่มดาวที่เคยมีในแผนที่ดาวในช่วงศตวรรษที่ 19 (ปัจจุบันได้ถูกยกเลิกไปแล้ว) อยู่ระหว่างกลุ่มดาวเฮอร์คิวลีส กลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์ และกลุ่มดาวมังกร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“น้ำดื่มสิงห์” จับมือ “โออาร์” แจกน้ำฉลากพิเศษปีใหม่ กว่า 4 แสนขวด ร่วมส่งต่อความสดชื่นให้คนไทย เติมพลังใจก่อนกลับบ้าน
“น้ำดื่มสิงห์” ร่วมกับ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ “โออาร์” (OR) ส่งต่อความสดชื่นที่ใช่ เติมพลังใจให้ผู้บริโภคก่อนกลับบ้าน
สายแคมป์ปิ้งห้ามพลาด เช็กจุดกางเต็นท์ฟรี 37 จุดทั่วประเทศไทยช่วงปีใหม่
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมุ่งสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างยั่งยืน