นายกฯ สั่ง 'สปสช.-สปส.' ร่วมยกระดับหลักประกันสุขภาพ

นายกฯ สั่งการเดินหน้าบูรณาการการทำงาน สปสช.- สปส. ร่วมมือการทำงาน เริ่ม 1 เม.ย.2567 ยกระดับหลักประกันสุขภาพตรวจสุขภาพเพิ่มเติมตามกลุ่มช่วงอายุ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

04 เม.ย.2567 - นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้ความสำคัญกับสุขภาพ การเข้าถึงระบบดูแลสุขภาพประชาชน มุ่งมั่นพัฒนาสิทธิและหลักประกันสุขภาพของไทย ลดความเหลื่อมล้ำ โดยมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตรวจสุขภาพเชิงรุก พร้อมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนที่ใช้สิทธิของผู้ประกันตน สามารถตรวจสุขภาพตามรายการสุขภาพพื้นฐานและเพิ่มเติม ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการรักษา ลดอัตราการเจ็บป่วย เพิ่มคุณภาพชีวิต

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลได้มอบหมายให้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงแรงงาน บูรณาการความร่วมมือของทั้ง 2 หน่วยงานในการดำเนินการ เพิ่มสิทธิการตรวจสุขภาพของผู้ประกันตน เพื่อสร้างกลไกสำคัญ ส่งเสริมให้ผู้ประกันตนมาใช้สิทธิตรวจสุขภาพตามรายการสุขภาพพื้นฐานของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ รวมถึงการสามารถใช้สิทธิตรวจสุขภาพเพิ่มเติมของสำนักงานประกันสังคม 14 รายการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย (เริ่ม 1 เมษายน 2567) มุ่งสร้างเสริมสุขภาพที่ดีให้กับคนไทยทุกคน ทุกสิทธิอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ลดการเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากโรคที่ป้องกันได้ ด้วยการตรวจคัดกรองสุขภาพ ค้นหาความผิดปกติ และนำเข้าสู่กระบวนการรักษาตั้งแต่ระยะแรก รวมถึง ลดความซ้ำซ้อนของชุดบริการตรวจสุขภาพประจำปี (สปส.) และชุดสิทธิประโยชน์สร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (สปสช). และ อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกันตนให้สามารถเข้ารับบริการในหน่วยบริการเพียงแห่งเดียวแต่ได้รับบริการครอบคลุมตามรายสิทธิประโยชน์ทุกรายการที่ทั้งสองหน่วยงานกำหนด

โดยการบรูณาการร่วมกันในครั้งนี้ เป็นการยกระดับความร่วมมือของหน่วยงานในการบริการตรวจสุขภาพ เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จากการบริการการตรวจสุขภาพประจำปี ของสำนักงานประกันสังคม จำนวน 14 รายการ และการบริการสร้างเสริมสุขภาพ และป้องกันโรคตามรายการบริการ (Fee Schedule) ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่จำแนกตามกลุ่มอายุ จำนวน 24 หมวดรายการ โดยการบรูณาการเน้นไปที่การขยายรายการตรวจสุขภาพที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงอายุมากขึ้น เช่น ช่วงอายุ 35 ปีขึ้นไป ได้ตรวจสุขภาพประจำปีฟรี 1 ครั้งทุกปี เช่น ตรวจไขมันในเส้นเลือด(Total cholesterol & HDL cholesterol) น้ำตาลในเลือด(Fasting Blood Sugar) การทำงานของไต(Cr และ eGFR) ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด(CBC) ตรวจปัสสาวะ(UA) ตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง(FiT TEST) การตรวจวัดความดันของเหลวภายในลูกตา(Tonometer) รวมถึงเพิ่มความถี่การถ่ายภาพรังสีทรวงอก(Chest X-ray) เป็นต้น

ทั้งนี้ รัฐบาลมุ่งมั่นดูแลประชาชน เพื่อลดอัตราการเจ็บป่วยเรื้อรัง และเสียชีวิต รวมถึงลดค่าใช้จ่ายที่จะสูญเสียไปกับค่ารักษาพยาบาล โดยในปัจจุบันมีสถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว รวม 213 แห่ง แบ่งเป็น สถานพยาบาลรัฐ 165 แห่ง เอกชน 48 แห่ง สามารถตรวจสอบรายชื่อสถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการได้ที่ www.sso.go.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

“นายกฯ ให้ความสำคัญ ต้องการพัฒนา บูรณาการทำงานในส่วนของหลักประกันสุขภาพเพื่อประชาชน ยกระดับการตรวจสุขภาพ ลดอัตราการเจ็บป่วย และเพิ่มการรักษาได้อย่างเท่าเทียม ทั่วถึง อย่างครอบคลุม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ทำให้ประชาชนมีสุขภาพที่แข็งแรง สามารถเป็นกำลังหลักในการพัฒนาประเทศต่อไป” นายชัย กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พิพัฒน์' ย้ำสิทธิประโยชน์อาชีพอิสระ มอบทุนซื้อบ้าน เงินทดแทนเจ็บป่วย เงินทุพพลภาพตลอดชีวิต บำเหน็จชราภาพ ด้วยประกันสังคมมาตรา 40

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นรุ่นแรก เป็นจังหวัดซึ่งมีประชากรจำนวนมากที่สุดในภาคใต้ ประกอบอาชีพอิสระกว่า 500,000 คน

ประกันสังคมเผย เปิดรับสิทธิโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน ปี 2567 วันแรก 1 พ.ย. 2567 ผู้ประกันตนให้ความสนใจเกือบเต็มโควตา ยื่นขอรับสิทธิกว่า 9,000 ล้านบาท

โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน พ.ศ. 2567 นี้ จะช่วยให้ผู้ประกันตนมีสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อที่อยู่อาศัย ปลูกสร้างที่อยู่อาศัย หรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างที่อยู่อาศัยได้อัตราดอกเบี้ยต่ำ เพียงร้อยละ 1.59 ต่อปี

'พิพัฒน์' รมว.แรงงาน ห่วงทายาทพนักงานกวาดถนนเทศบาลนครอ้อมน้อย ประสบเหตุถูกรถกระบะชนเสียชีวิต 2 ราย มอบประกันสังคม จ่ายเงินทดแทนกรณีตายในงาน

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยและแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมมอบหมายให้ นางมารศรี ใจรังษี ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เร่งดำเนินการจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่ทายาทผู้มีสิทธิ