25 มี.ค. 2567 – เมื่อเวลา 07.00 น. นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับกองทัพบก สภากาชาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองกำลังนเรศวร ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 ปลัดจังหวัดตาก และนายอำเภอแม่สอด ลงพื้นที่ด่านศุลกากรแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย-ตองยิน แห่งที่ 2 เพื่อส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมา โดยมี ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติ (ASEAN Coordinating Centre for Humanitarian Assistance on disaster management: AHA Centre) และผู้แทนจากชุมชนท้องถิ่นร่วมสังเกตการณ์และเป็นสักขีพยาน
ทั้งนี้ นางลัดดาวัลย์ เพชรเศษ นายกกิ่งกาชาดอำเภอแม่สอด ในฐานะผู้แทนสภากาชาดไทย ได้ส่งมอบถุงยังชีพช่วยเหลือให้แก่ โอง ไว ประธานสภากาชาดเมียนมา สาขาจังหวัดเมียวดี ในฐานะผู้แทนสภากาชาดเมียนมา จำนวน 4,000 ถุง โดยในถุงประกอบด้วย ข้าวสาร อาหารแห้ง และของอุปโภคบริโภคอื่นๆ สำหรับประชาชนชาวเมียนมาจำนวนประมาณ 20,000 คน จากนั้นเป็นการปล่อยขบวนรถจำนวน 10 คัน ออกจากด่านศุลกากรแม่สอด ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 เพื่อขนส่งสิ่งของช่วยเหลือเข้าไปยังเมียนมาใน 3 พื้นที่รัฐกะเหรี่ยงประกอบด้วย บ้านนาบู บ้านตามันยา และบ้านไปร่โจง
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมพิธีส่งมอบความช่วยเหลือผ่านระเบียงมนุษยธรรม ถึงความเป็นไปได้ที่ไทยจะเปิดเจรจาสันติภาพหลังจากวันนี้ได้เริ่มในการมอบความช่วยเหลือผ่านระเบียงมนุษยธรรมโดยได้รับการสนับสนุนจากชาติอาเซียนว่า การส่งมอบความช่วยเหลือวันนี้เป็นการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยไทยไม่ได้คำนึงว่าเป็นฝ่ายใด ซึ่งถ้าความช่วยเหลือวันนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จะมีการขยายความช่วยเหลือไปยังพื้นที่อื่นๆ ต่อไป โดยการช่วยเหลือครั้งนี้เป็นหนึ่งในฉันทามติห้าข้อของอาเซียนเป็นการแสดงความหวังดีของไทยต่อคนเมียนมาที่ปรารถนาจะเห็นเมียนมามีสันติมีเสถียรภาพมีเอกภาพ ซึ่งปัญหาภายในเมียนมา กลุ่มต่างๆ ต้องแก้ไขกันเอง โดยฝ่ายพร้อมสนับสนุนอยากขอให้ทุกฝ่ายก้าวข้ามความขัดแย้งหาทางที่จะลดความรุนแรงหาทางที่จะกลับไปสู่กระบวนการหารือ
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ไทยจะดำเนินการให้เกิดการเจรจาโดยเป็นคนกลาง นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ไทยทำวันนี้เป็น 1 ในฉันทามติ 5 ข้อ จากอาเซียน จากการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเมื่อต้นปีที่ผ่านมาซึ่งอาเซียนสนับสนุนและประเทศไทยในฐานะเพื่อนบ้านพร้อมที่จะช่วยเหลือเรื่องการหารือ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของกลุ่มต่างๆ ในเมียนมา ด้วยเราจะบังคับให้ใครสู่โต๊ะเจรจาไม่ได้ แต่เชื่อว่าความช่วยเหลือครั้งนี้เป็นการสร้างบรรยากาศที่ดี เป็นการย้ำให้ทิ้งเรื่องการเมืองไว้ก่อนและมาทำเรื่องมนุษยธรรม ซึ่งจะนำร่องให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาคุยกัน โดยนำความเดือดร้อนของประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งเมื่อตรงนี้เรียบร้อยก็หวังว่าจะนำไปสู่การก้าวข้ามความขัดแย้งในปัจจุบัน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จิตอาสาร่วมใจ แพ็กของส่งต่อกิจกรรม “หนาวนี้ทำดีเพื่อพ่อ”
วันนี้ (18 พ.ย. 67) นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ได้ร่วมกับพลโทนายแพทย์อำนาจ บาลี ผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย และจิตอาสาอีกหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ และเอกชน ร่วมกันแพ็กของอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ทั้ง ผ้าห่ม เสื้อกันหนาว ชุดวอร์ม น้ำดื่ม วอล์คเกอร์ และของใช้ในชีวิตประจำวัน
มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ จับมือภาคีเครือข่ายสนับสนุนกิจกรรม “หนาวนี้ทำดีเพื่อพ่อ 2567” สภากาชาดไทย
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมด้วยภาคีเครือข่าย นางสาวบุปผา รอดสุด รองปลัดกระทรวงแรงงาน กระทรวงแรงงาน กลุ่มบริษัทไทยสมายล์บัส(TSB) กลุ่มพลังงานบริสุทธิ์(EA) บริษัท ไบ่ ลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
'ธีระชัย' ชำแหละกต.ก่อคำถามคาใจ ไม่บอกว่าถ้าเจรจาตาม MOU44 เสี่ยงเสียเกาะกูด 99%
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ประธานร่วมศูนย์นโยบายและวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า
'มาริษ' เผยไทยพร้อมต่อยอดความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ หลังได้ประธานาธิบดีคนใหม่
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอย่างไม่เป็นทางการ ภายหลังผลการนับคะแนนการเลือกตั้ง นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ 267 คะแนน พร้อมประกาศชัยชนะ
'หม่อมกร' เห็นพ้อง 'ปานเทพ' ตอกย้ำ กต.แถลง MOU 44 ขัดกับพระบรมราชโองการโดยชัดแจ้ง
ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่าวันนี้ปรากฎหัวข้อข่าวว่า“ปานเทพ ซัด กต.กล้าบังอาจแถลงข่าวตัดตอนพระบรมราชโองการ ร.9 ถามกรมสนธิสัญญาฯ ทำเพื่อประโยชน์รัฐบาลชาติใด”