30 ธ.ค. 2564 นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อัยการสูงสุด (อสส.) ได้ออกสารอวยพรปีใหม่ 2565 จากอัยการสูงสุดถึงบุคลากรในองค์กร ความว่า เนื่องในศุภวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2565 ผมในฐานะตัวแทนผู้บริหารของสำนักงานอัยการสูงสุด ขอกล่าวคำอวยพรและคำขอบคุณ บุคลากรทุกคนของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ได้ช่วยกันทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนในองค์กรที่รักของเรามาตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็ม
และเป็นโอกาสอันดีที่เราทุกคน จะได้ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นจากการทำงาน ในชีวิตของเรา ที่ผ่านมา ว่างานใดที่เราทำแล้วประสบความสำเร็จ ย่อมเป็นเครื่องเตือนใจและเป็นกำลังใจ ให้การปฏิบัติงานของเราดีขึ้นไป ส่วนงานใดที่เราทำแล้วยังไม่ประสบความสำเร็จ ก็จะได้แก้ไข วางแผน ทบทวน เพื่อให้งานนั้นประสบความสำเร็จต่อไป ทั้งนี้เพื่อให้สำนักงานอัยการสูงสุด เป็น "องค์กรนำในการใช้กฎหมาย เพื่อรักษาความยุติธรรมให้กับประชาชนและสังคม" ซึ่งผมเน้นย้ำว่าเป็นสิ่งสำคัญ ที่พวกเราจะต้องตระหนักและยึดถือเป็นอุดมการณ์ในการทำงาน
สำหรับผม ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง "อัยการสูงสุด" ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา และได้แถลงนโยบายการบริหารงานของอัยการสูงสุดไว้ 4 ข้อ คือ ยุติธรรม - พัฒนา - สามัคคี - มีคุณธรรม ดังที่ทุกคนทราบแล้วนั้น
ผมและผู้บริหาร จะช่วยกันขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวให้เกิดผลขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตาม นโยบายการบริหารงานทั้งหมดจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ หากไม่ได้รับความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ จากพวกเราทุกคน ไม่ว่าจะมีตำแหน่งหน้าที่ใด ซึ่งนับเป็นกำลังสำคัญของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่จะร่วมกันขับเคลื่อนองค์กรอัยการให้ประสบความสำเร็จต่อไป
สำหรับปีใหม่ที่จะถึงนี้ สำนักงานอัยการสูงสุดจะมีการให้บริการประชาชนในการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนผ่านสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัด (สคช.) ในวันหยุดราชการ (วันเสาร์) ระหว่างเวลา 08.30 – 16.30 น. ใน 9 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดชลบุรี จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดขอนแก่น จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดราชบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดสงขลา สำหรับในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะมีการเปิดบริการสายด่วน 1157 ในช่วงเวลาดังกล่าวเพิ่มเติมด้วย หากการประเมินผลการดำเนินงานสัมฤทธิผลจะได้มีการขยายให้มีการดำเนินการทั้งประเทศ ในระยะต่อไป ซึ่งเป็นของขวัญปีใหม่ ที่จะมอบให้แก่ประชาชนในการคุ้มครองสิทธิ อันเป็นหนึ่งในนโยบายการบริหารงานของอัยการสูงสุดที่ผมได้แถลงไว้
ในโอกาสปีใหม่ พุทธศักราช 2565 นี้ ผมขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย พระพุทธอัยการมงคลโลกนาถ พระไพศรพณ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ทุกท่านเคารพนับถือ ตลอดจนพระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้โปรดอภิบาลบันดาลดลให้บุคลากรของสำนักงานอัยการสูงสุดทุกคนและครอบครัว เจริญด้วยจตุรพิธพรชัย มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง มีกำลังที่จะร่วมกันสรรสร้างความดีให้เกิดขึ้นแก่พี่น้องประชาชนและประเทศชาติตลอดปี และตลอดไป
ด้วยความปรารถนาดีและสวัสดีปีใหม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ดีเอสไอ' ชงอัยการสูงสุด ออกหมายจับ 'หม่อง ชิตตู่' พร้อมพวก คดีค้ามนุษย์
พ.ต.ต.สิริวิชญ์ เกษมทรัพย์ ผอ.กองคดีการค้ามนุษย์ ดีเอสไอ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีการขอออกหมายจับ พล.ต.หม่อง ชิตตู่ ผู้นำกองกำลัง BGF ในคดีค้ามนุษย์ กับพวก ว่
กมธ.มั่นคงฯ ชงแก้ไข กม. 2 ฉบับให้อัยการ-ตำรวจทำสำนวนคดีร่วมกัน!
'กมธ.มั่นคงฯ' ยื่นร่างกม. แก้วิธีพิจารณาความอาญา 2 ฉบับ หวังยกระดับกระบวนการยุติธรรมไทย ด้าน 'วิรุตม์' บอกอัยการ-ตำรวจ ทำคดีร่วมกันแก้ปัญหาแพะ
'โรม' บุกอัยการจี้ ขอศาลออกหมายจับ 'หม่อง ชิต ตู่' กับพวก ขบวนการค้ามนุษย์
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคาร เอ ถนนแจ้งวัฒนะ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะ
อสส. ฟ้องอดีต สส. ประชาธิปัตย์ คดีฝากบัตรเสียบแทน โหวตกฎหมายกู้เงินปี 56
อัยการสูงสุดยื่นฟ้อง 'ภิรพล ลาภาโรจน์กิจ' อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หลังฝากบัตรให้ผู้อื่นเสียบแทน ขณะตัวเองอยู่หาดใหญ่ ศาลฎีกานัดฟังคำสั่งประทับฟ้องหรือไม่เร็วๆ นี้
หมายจับ 'หม่อง ชิตตู่' สะดุดอีกแล้ว อัยการมาถึงดีเอสไอ แต่ไม่เข้าประชุม
ที่กองคดีค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ อาคารศูนย์ราชการอาคารเอ ถนนเเจ้งวัฒนะ พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษนัดประชุมร่วมกับพนักงานอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ 1
ยังไม่เคาะหมายจับ 'หม่อง ชิตตู่' DSI-อัยการ หารือรอบ 2 หลักฐานยังไม่แน่นพอ
DSI และอัยการคดีค้ามนุษย์ ยังไม่ได้ข้อสรุปออกหมายจับ “หม่อง ชิต ตู่” หัวหน้าขบวนการค้ามนุษย์ เหตุหลักฐานที่มีอาจยังไม่หนักแน่นพอ ขอเอกสารเพิ่ม ก่อนนัดประชุมเคาะอีกครั้ง 19 ก.พ. แม้หมายจับออกได้ แต่ปัญหาคือการนำตัวมาดำเนินคดี ขึ้นอยู่กับอธิปไตยประเทศที่ผู้ต้องหาพำนักอยู่