ยื่นฟ้อง 'ทีน่า' แม่ค้ากระเป๋าดัง ข้อหาหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 7 แสน


29 ธ.ค. 2564 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายเกิดผล แก้วเกิด ในฐานะทนายความ ของ น.ส.จิดาภา ชีนารักษ์หรือชมพู่ ผู้เสียหาย ได้นำพยานหลักฐาน เข้ายื่นฟ้อง นายประยุทธ์ เนตรระหงษ์ หรือทีน่า (ชื่อเดิม ณภาภัช) แม่ค้าออนไลน์รับซื้อขายกระเป๋าแบรนด์เนมหรู ในความผิดฐาน "หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา" ต่อศาลอาญา จากกรณีดราม่า กระเป๋าแบรนด์เนมดัง ที่ “ชมพู่” เจ้าของกระเป๋า Hermes ได้นำกระเป๋าไปขายให้กับร้านขายและรับซื้อของแบรนด์เนมในราคา 395,000 บาท แต่ถูกเจ้าของร้าน "ทีน่า" กล่าวหาว่า กระเป๋าแบรนด์เนมใบดังกล่าวเป็นของปลอม พร้อมท้าพิสูจน์ หากกระเป๋าใบนี้เป็นของจริง จะโอนเงินให้ 2 ล้าน พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น “สรพงษ์” เลิกเป็นกะเทยจนกลายเป็นกระแสโซเชียล พร้อมเรียกค่าเสียหาย 700,000 บาท

โดยทนายเกิดผล กล่าวว่า วันนี้ตนในฐานะทนายความของนางสาวจิดาภา ได้นำพยานหลักฐานมาฟ้องร้องต่อศาลเพื่อเอาผิด นายประยุทธ์ แม่ค้าออนไลน์รับซื้อขายกระเป๋าแบรนด์เนมหรูในข้อหาหมิ่นประมาท และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา พร้อมเรียกหลักทรัพย์เป็นเงินชดเชยค่าเสียหาย 700,000 บาท หลังพบว่า คู่กรณีมีการไลฟ์สด, โพสต์ข้อความ, และแชร์ข้อความต่อ ในเพจและอินสตาแกรมของเจ้าตัว ในเชิงทำนองว่า ลูกความเป็นมิจฉาชีพ พร้อมกับใช้ปากกาที่กระเป๋าของลูกความว่าปลอม พร้อมทั้งพูดกล่าวหาว่าลูกความหลอกลวงขายของปลอมให้ และยังมีการใช้ถ้อยคำข้อความทำนองกล่าวหาลูกความว่าเป็นลูกเนรคุณ โดยมีการกระทำความผิดระหว่างวันที่ 10-13 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยเป็นการกระทำที่ต่างกรรมต่างวาระกันรวม 5 กรรม จนทำให้รู้ความรู้สึกว่าได้รับความเสียหายจากถ้อยคำและไลฟ์ดังกล่าว

ประกอบกับที่ผ่านมาได้มีการให้โอกาสคู่กรณีกล่าวขอโทษแต่คู่กรณีก็ไม่สำนึกผิด หลังจากที่ไปออกรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งก็ยังคงโพสต์ข้อความดูถูกต่อว่ามาโดยตลอด จึงตัดสินใจให้ทนายความเข้ามาฟ้องร้องเอาผิดกับคู่กรณี โดยสารได้นัดไปสวนในเย็นวันที่ 28 ก.พ. ปีหน้า

เบื้องต้นจากการพูดคุยกับผู้เสียหายทราบว่า หลังจากเกิดเรื่องดังกล่าวคู่กรณีไม่เคยกล่าวขอโทษสำนึกผิดใดๆ และไม่ยอมจ่ายเงินค่ากระเป๋าให้โดยให้ไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเอง แม้ว่าจะมีใบรับรองมาจากสถาบันตรวจสอบกระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดังแล้วก็ตาม และยังกะว่าจะได้รับความเสียหายเรื่อยมา ซึ่งคดีนี้จะแยกกับคดีที่คู่กรณีไม่ยอมจ่ายเงิน 2 ล้านบาทเป็นค่ากระเป๋าแบรนด์เนมต้นเรื่อง

สำหรับเรื่องการไม่ยอมจ่ายเงินค่ากระเป๋า 2 ล้านบาท ตนเองและลูกความมีพยานหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า คู่กรณีได้สัญญาว่า จะจ่ายเงิน 2 ล้านบาทให้จริง และไม่ได้เป็นถ้อยคำหรือข้อความในลักษณะการพูดเล่น ซึ่งถือว่าลักษณะดังกล่าวเป็นการให้คำสัญญาว่าจะให้ แต่ไม่ให้ ซึ่งก็ต้องดำเนินคดีไปตามขั้นตอน ทั้งนี้หากในภายหลังเจ้าตัวจะแสดงความขอโทษก็ต้องมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่งว่าการที่จะกล่าวขอโทษนั้นมีความพยายามหรือจริงใจในการแสดงออกหรือไม่

ส่วนกรณีของการให้คำสัญญาว่าจะเปลี่ยนชื่อตนเองเป็น “สรพงษ์” และมีการขอบ่ายเบี่ยงว่าชื่อ “สรพงษ์” ไม่ถูกโฉลกมีอักษรและวรรณยุกต์ที่เป็นกาลกิณี โดยจะขอเปลี่ยนเป็นชื่อ “ประยุทธ์” แทน จากนั้นก็ประกาศผ่านโลกออนไลน์ว่าได้เปลี่ยนชื่อแล้ว

จากการตรวจสอบของทนายความล่าสุด เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบข้อมูลในทะเบียนราษฎร์ว่ายังคงใช้ชื่อและนามสกุลเดิม โดยไม่ได้เปลี่ยนเป็นสรพงษ์หรือประยุทธ์ และเมื่อวานนี้จึงเข้าไปตรวจสอบในทะเบียนราษฎร์อีกครั้งหนึ่งว่าชื่อนามสกุลจริงของคู่กรณีคืออะไร ก็พบว่ายังคงใช้ชื่อและนามสกุลเดิม ซึ่งถือได้ว่าคู่กรณีไม่ได้ทำตามสัญญา แต่ลูกความไม่ถือสาเอาความรู้สึกดังกล่าวเป็นคดี

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ก้าวไกลแพ้! ศาลยกฟ้อง 'ณฐพร โตประยูร' แจ้งเท็จ-หมิ่น ล้มล้างการปกครอง

ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.308/2564 ที่พรรคก้าวไกล เป็นโจทก์ฟ้องนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จ,หมิ่นประมาทฯพร้อมเรียกค่าเสียหาย 20,062,475บาท   

ศาลยกฟ้อง 'อัจฉริยะ' 2 คดี หมิ่นประมาทผู้การจ๋อ-พนง.คดีแตงโม

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ 951/2566 ที่ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ หรือ “ผู้การจ๋อ” ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) หรือผู้การจ๋อ ยื่นฟ้อง

'แม่เสี่ยโป้' คอตกนอนคุก คดีเว็บพนัน-ฟอกเงิน หลังหลบหนีนานกว่า 3 ปี

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน กก.1 กองบังคับการปราบปราม คุมตัว น.ส.บานเย็น ชาญนรา อายุ 51 ปี มารดาของนายเสี่ยโป้ อานนท์ เป็นผู้ต้องตามหมายจับศาลอาญา คดี “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น