‘ชยพล‘ ร่าย ’นิราศเรือหลวงสุโขทัย’ จากเรือรบสู่ปะการังเทียม ชี้ ‘ทร.’ ตั้งใจ เตะถ่วง-ล้มกู้เรือ อ้าง จัดซื้อจัดจ้างเอกสารไม่ครบ-บ่ายเบี่ยงประเทศคู่ค้าสหรัฐ บอกตลก เหตุเขียนขอใน ‘งบ 67’ ไว้แล้ว
26 ก.พ.2567-ที่พรรคก้าวไกล นายชยพล สท้อนดี สส.กทม.พรรคก้าวไกล แถลงข่าว Policy Watch ในหัวข้อนิราศ (เรือหลวง) สุโขทัย จากเรือรบสู่ปะการังเทียม เพื่อตั้งข้อสังเกต และเสนอแนะต่อการกู้เรือหลวงสุโขทัย โดยนายชยพล ไล่เรียงเหตุการณ์ว่า ปีที่แล้วเกิดเหตุการณ์เรือสุโขทัยอับปางลง พร้อมกำลังพล 106 นาย จากการไปร่วมงานเสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพร องค์บิดาของกองทัพเรือไทย ในวันนั้นเรือหลวงสุโขทัยวิทยุแจ้งว่า เครื่องยนต์มีปัญหาใช้งานไม่ได้ 1 เครื่อง จนกระทั่งควบคุมเรือไม่ได้ เริ่มเอียง 60-70 องศา ซึ่งเป็นเวลากว่า 8 ชั่วโมง ที่เรือรบพบปัญหา จนกระทั่งลงไปนอนจมอยู่กับปะการัง สูญเสียกำลังพลมากกว่า 20 นาย ยังคงสูญหายอยู่อีก 5 นาย เรือรบอันทรงเกียรติมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท หายไปกับท้องทะเล
ก่อนหน้านี้ นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ อดีตสส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เคยอภิปรายถึงประเด็นการล่มของเรือหลวงสุโขทัยไว้ โดยสรุปใจความปัญหาได้ 3 ประเด็น คือสภาพอากาศ ที่รายงานกองทัพเรือได้รายงานว่าคลื่มลมจะสูงประมาณ 2.5 เมตร แตกต่างจากรายงานของเอกชน ที่ระบุไว้ว่าคลื่นจะสูงถึง 6 เมตร
ประการที่สอง คือสภาพความพร้อมของเรือ เนื่องจากเรือหลวงสุโขทัย มีการของบประมาณในการซ่อมบำรุงมาโดยตลอด แต่ก็ยังคงมีปัญหาอยู่หลายจุด และประการสุดท้าย เป็นความผิดพลาดของการสั่งการ เพราะเมื่อดูจากแผนที่แล้ว จุดที่เรือหลวงสุโขทัยล่ม จะใกล้กับท่าเรือบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่ทำไมถึงได้ยังคงสั่งการให้เรือฝืนสังขาร ห้ามล่มห้ามจม แหวกพายุกลับไปสัตหีบ จนนำมาสู่การอัปปางในที่สุด
นายชยพล กล่าวว่า ปัญหาสำคัญของเรือหลวงสุโขทัย คงหนีไม่พ้นเรื่องการซ่อมบำรุงเรือที่ไม่ได้มาตรฐาน เช่น เรื่องการซ่อมบำรุงแผ่นเหล็กที่ถูกกร่อนจนบางต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งรวมๆ แล้ว เรือหลวงสุโขทัยมีคิวรอการซ่อมอยู่ถึง 19 รายการ จึงเป็นเหตุอันเชื่อได้ว่า เรือนั้นไม่ได้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน แต่กลับฝืน เพราะอยากออกไปร่วมภารกิจที่ไม่ใช่เรื่องการรบ แต่เป็นเพียงงานพิธีการ
นายชยพล ยังเปิดไทม์ไลน์หลังเกิดเหตุกาาณ์ พร้อมระบุว่า จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เป็นเวลาเกินกว่า 1 ปีแล้วที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น ตนอยากขอเชิญทุกคนร่วมกันย้อนดูท่าทีของกองทัพเรือตลอด 1 ปีที่ผ่านมากันบ้าง เพื่อจะได้ช่วยกันวิเคราะห์ถึงเจตนาอันแท้จริง ว่ากองทัพเรือนั้นคิดอะไรอยู่ โดยภายหลังเกิดเหตุการณ์ในวันที่ 18 ธ.ค. 2565 อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เรียกประชุมด่วนเพื่อแก้ไขปัญหา โดยได้เริ่มกระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริงกันในวันที่ 20 ธ.ค. 2565 และลงนามตั้งกรรมการสอบสวนกันในวันที่ 26 ธ.ค. 2565
จากนั้นประมาณวันที่ 11 ม.ค. 2565 กองทัพเรือได้เริ่มเปิดให้บริษัทได้ยื่นซองประมูลโครงการกู้เรือหลวงสุโขทัยเป็นครั้งแรก มีการแจ้งว่าผลการสอบสวนมีความคืบหน้าไปกว่า 90% ขั้นตอนของการสอบปากคำพยานทั้งหมดเกือบ 300 คนเสร็จสิ้น เหลือเพียงแค่การกู้เรือ เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบ ซึ่งกองทัพเรือคาดว่าจะเริ่มกู้เรือกันได้ในเดือน เม.ย. ปี 2566 เป็นอย่างช้า และระหว่างนี้มีการตั้งข้อสังเกตจากนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ว่ามีการล็อคสเป็กในการจัดซื้อจัดจ้างหรือไม่ ทำให้นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องออกมาขอสอบสวนหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
จากนั้นช่วงวันที่ 21 ก.ย. 2566 จู่ๆ กองทัพเรือก็เริ่มต้นกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างใหม่ทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าเอกสารไม่ครบ ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ค้านสายตาคนรอบข้างมาก เพราะสามารถส่งภายหลังได้ จนกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ต้องขอเชิญกองทัพเรือเข้ามาชี้แจง เพราะการขาดเอกสารที่ไม่ใช่ใจความสำคัญนั้นสามารถยื่นตามทีหลังมาได้ ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งกระบวนการให้ต้องเสียเวลา ทั้งที่กองทัพเรือเองก็ย้ำมาตลอดว่า การกู้เรือเป็นภารกิจด่วน แต่ทำไมกลับล้มกระดานเอาเสียเอง ทำให้ต้องเริ่มต้นนับจากหนึ่งใหม่ ซึ่งตนได้ตรวจสอบการทำข้อกำหนดและขอบเขตการจัดซื้อจัดจ้าง (TOR) ก็พบว่าเป็นอะไรที่ค้านสายตา เพราะเป็นการจ้างกู้และลำเลียงเรือหลวงสุโขทัยที่อับปางไปที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ปรับแต่งสภาวะตัวเหลือให้มีความปลอดภัยลอยลำได้ด้วยตัวเอง
“เขาก็บอกว่าให้บริษัทที่จะมากู้เรือ ให้กูเรือขึ้นมาในใกล้เคียงกับตัวรีพอร์ต เพื่อให้ชัวร์ว่าหลักฐานจำไม่ผิดแปลกอะไร สิ่งที่น่าสนใจผมจะขอไฮไลท์เรื่องการปรับแต่งสภาวะเรือให้ลอยลำได้ด้วยตัวเอง นึกภาพออกหรือไม่ครับ ล่ม เพราะน้ำเข้าเรือ แต่บอกให้กู้เรือขึ้นมา บอกให้ปรับแต่งสภาวะให้เรือลอยลำได้ด้วยตัวเอง มันจะไม่เป็นการยุ่งกับหลักฐานได้อย่างไร”
นายชยพล กล่าวว่า มีเอกสารจาก JUSMAGTHAI ซึ่งหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการดูแลการใช้งานยุทโธปกรณ์ของสหรัฐอเมริกาภายในประเทศไทย 2 ฉบับ มีเนื้อหาคือการทวงถามรายงานข้อเท็จจริงในกรณีเรือหลวงสุโขทัยอัปปาง และการเตือนว่าตามสัญญาการใช้ยุทโธปกรณ์จากสหรัฐอเมริกา ก่อนจะให้บุคคลที่สามมายุ่งกับยุทโธปกรณ์ของสหรัฐได้ ต้องได้รับคำยินยอมจากรัฐบาลของสหรัฐก่อน
“JUSMAG ก็ได้ส่งหนังสือมาแจ้งกองทัพเรือไทย ให้ทำตามข้อตกลงการใช้อาวุธ โดยส่งหนังสือมาครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2566 และระบุว่า ให้ส่งรายงานโดยระบุข้อมูลคือ วันที่เกิดเหตุ ข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การแก้ไขข้อผิดพลาดโดยกองทัพเรือ และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ซึ่งทางอเมริกาก็รอกองทัพเรือไทยมาเกือบปี ถึงส่งจดหมายทวงถามอีกฉบับในวันที่ 1 ธ.ค. 2566 โดยมีเนื้อหาย้ำตามเดิม แสดงว่าที่ผ่านมาตลอด 1 ปี กองทัพเรือ นอกจากจะประวิงเวลา เตะถ่วงเรื่องของการกู้เรือแล้ว ก็ยังคงช้าเรื่องของการสรุปข้อเท็จจริงที่ควรต้องชี้แจงให้กับประชาชนและกับประเทศคู่ค้าด้วย”
นายชยพล กล่าวว่า ที่ผ่านมาตลอด 1 ปี กองทัพเรือไทยไม่ได้สื่อสารกับกองทัพอเมริกาเท่าที่ควร จนต้องออกจดหมายเตือน เพื่อย้ำให้ชัดอีกครั้ง ส่อเจตนาเหมือนจงใจวางกับดักให้ตัวเองต้องสะดุด เพื่อผลัดวันต่อ ไม่ให้กู้เรือได้สักที หากไม่ได้เปิดข้อมูลเอกสารตรงนี้ กองทัพเรือไทยก็คงเดินหน้าประมูลราคาต่อ เพื่อรอล้ม ที่ผ่านมา ผบ.ทร. ไม่มีการระบุว่ากองทัพเรือสหรัฐจะร่วมการกู้เรือครั้งนี้ หรือจะยังคงมีการกู้เรืออยู่หรือไม่
“การกู้เรือ เพื่อหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสาเหตุการล่มของเรือหลวงสุโขไทย เป็นจิ๊กซอว์ที่สำคัญ ที่ต้องมีเท่านั้น ถึงจะสามารถเปิดรายงานข้อเท็จจริงทั้งหมดให้กับประชาชนได้ ตนไม่เข้าใจ เมื่อมิตรประเทศอย่างสหรัฐได้มาถึงที่แล้ว ทำไมให้ช่วยไม่สุดทาง ทำไมถึงจบแค่การปลดอาวุธ แต่ไม่กู้จิ๊กซอว์นี้ขึ้นมา ตอนนี้ท่าทีของกองทัพเรือเอง ไม่มีความชัดเจนเลยว่าจะยังกู้อยู่หรือไม่ ขัดกับคำพูดตลอด 1 ปีที่ผ่านมาที่ขอให้ทุกคนอดใจรอไม่นาน จะกู้เรือขึ้นมาอย่างแน่นอน”
นายชยพล กล่าวว่า จากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น คงต้องถามจริงๆว่าเรายังคาดหวังความชัดเจนจากกองทัพเรือได้อยู่หรือไม่ เรสมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องขอให้กองทัพเรือออกมายืนยันให้ชัด ว่าสรุปแล้วเราจะได้รู้ความจริงกันเมื่อไหร่ จากกรณีเรือดำน้ำจีนที่ชอบพูดกันนักว่าต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ทางการฑูต จะแก้สัญญาหรือต่อรองเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติมากไม่ได้ แต่ทำไมพอเป็นเรื่องเรือหลวงสุโขทัยกลับต้องให้มีจดหมายทวงเป็นปีๆ ถึงจะยอมเปิดทางให้สหรัฐอเมริกาเข้ามาช่วยเหลือ ถ้าไม่เปิดข้อมูลเอกสารการทวงถามจาก JUSMAGTHAI และเอกสารข้อตกลงการใช้ยุทโธปกรณ์ของอเมริกา ก็คงยังรำวงกับการตั้งโครงการประมูลกู้เรือทั้งที่รู้ว่าขัดข้อตกลง ส่งผลต่อความสัมพันธ์ด้านการทหารโดยตรง แต่ก็ไม่เห็นจะทำท่าทีเกรงอกเกรงใจใดๆ
ภายหลังการสัมภาษณ์ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถาม โดยผู้สื่อข่าวถามว่า มีโอกาสเรียกกองทัพเรือเข้ามาชี้แจงเรื่องนี้ในกรรมาธิการหรือไม่ นายชยพล กล่าวว่า เรื่องนี้ยังเพิ่งเริ่ม อาจจะต้องมีการสื่อสารไปถึงกองทัพเรือให้ออกมาชี้แจงถึงความตั้งใจจริงในการกู้เรือว่าจะกู้หรือไม่ ส่วนจะมีโอกาสชงเข้ากรรมาธิการในช่วงไหนนั้น นายชยพล กล่าวว่า อาจจะมีการยกขึ้นมาในสัปดาห์นี้ พร้อมย้ำว่า กองทัพเรือไม่สามารถอ้างได้ว่าติดขัดเรื่องงบประมาณ เพราะมีการของบประมาณไปแล้ว ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 จะบอกว่าไม่พอก็เป็นเรื่องที่ตลก ตอนแรกจะจ้างบริษัทภายนอก 100% มีการประเมินแล้วว่าใช้เงินประมาณ 2,000 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทร. เตรียมจัดเสวนาเรื่องเส้นเขตแดนทางทะเล ปม MOU 44 หวังสื่อสารให้สังคมเข้าใจ
พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวภายหลังทำพิธีวันสถาปนากองทัพเรือ ครบรอบ 118 ปี เมื่อถามว่า อดีต ผบ.ทร. ได้ฝากถึงกรณี MOU 44
'ทร.' เปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย 'วันลอยกระทง' ดูแลตลอดลำน้ำเจ้าพระยา
ทร. เปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยวันลอยกระทง จัดกำลังพล 239 นาย เรือ 44 ลำ ดูแลความปลอดภัยตลอดลำน้ำเจ้าพระยา
'ภูมิธรรม' ไม่ขีดเส้นตาย 'ทัพเรือ' ชี้แจงเปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำเป็นของจีน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการเรือดำน้ำ หลังสั่งการให้กองทัพเรือไปจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติม ในกรณีที่ต้องเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ CHD620 ของจีน และการขยายสัญญา 1,217 วัน
ศรชล.-ทรภ.3 ร่วมดูแลเรือใบอิตาลี สวยที่สุด อายุเก่าแก่ เทียบท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต
ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 (ศรชล.ภาค3) เปิดเผยว่า พลเรือโทสุวัจ ดอนสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 (ผบ.ทรภ.3)/ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 (ผอ.ศรชล.ภาค 3)
จ่อร้องยุบรัฐบาล! ‘วีระ’ อ้างเป็นกบฏทำ เสียดินแดน / ‘ผบ.ทร.’ ลงพื้นที่เกาะกูด
ผบ.ทร.ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด กำชับกำลังพลหากมีเรื่องใดขัดข้องให้รีบแจ้งเพื่อแก้ไข ขณะที่นายอำเภอเกาะกูดลั่นเป็นของไทยมากว่า
'บิ๊กแมว' ตรวจเยี่ยมหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด ยืนยันพร้อมดูแลประชาชนอยู่กินอย่างสงบสุข
พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ตรวจเยี่ยมหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด พร้อมรับฟังบรรยายสรุปถึงการปฏิบัติงานของหน่วย และการดำเนินการพัฒนาคุณภาพชีวิตกำลังพล และประสิทธิภาพของหน่วย เพื่อเป็นการสร้างขวัญ