'จุรินทร์' นำ กรอ.พาณิชย์ ประชุม! คาดการณ์ส่งออกปี 65 ขยายตัวเป็นบวก 3 – 4 % คาดเป้าส่งออก 9 ล้านล้านบาท มากกว่าปี64 ประมาณ 4 แสนล้านบาท
27 ธ.ค.2564 - นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ครั้งที่ 3/2564 พร้อมด้วยนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนภาคเอกชน ที่ ห้องกิติยากรวรลักษณ์ ชั้น 4 สำนักงาน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยมีตัวแทนหน่วยงานราชการและภาคเอกชนอื่นร่วมประชุมผ่านทางระบบ Zoom Conference วันนี้ด้วย
ภายหลังการประชุม นายจุรินทร์ ร่วมภาคเอกชนแถลงข่าว โดยนายจุรินทร์ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญที่ได้มีการประชุมกัน คือ การสรุปตัวเลขการส่งออกสำหรับปี 64 มีการประเมินคาดการณ์ว่าตัวเลขการส่งออกทั้งหมดในปี 2564 นั้น จะเป็นบวกประมาณ 16% และสามารถส่งออกนำเงินเข้าประเทศได้ 8,585,600 ล้านบาท สินค้าหมวดสำคัญๆ ที่ทำรายได้เข้าประเทศเป็นลำดับสูง ประกอบด้วย สินค้าการเกษตร สินค้าเกษตรอุตสาหกรรมและสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่ง ตัวเลขจะเป็นไปตามนี้ทั้งหมดหรือไม่ก็ต้องรอตัวเลขจริงสำหรับเดือนธันวาคมอีกครั้ง อย่างไรก็ตามที่ประชุมก็ได้มีการหารือกันในเรื่องของตัวเลขการส่งออกปีหน้าซึ่งก็ได้มีการคาดการณ์กันโดยหลายหน่วยงานทั้งหน่วยงานภาครัฐแล้วก็หน่วยงานภาคเอกชน แต่สำหรับในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ก็ได้มีการคาดการณ์ว่าการส่งออกปี 2565 นี้จะยังคงมีการขยายตัว คือ เป็นบวก ประมาณ 3 – 4 % และคาดว่าจะมีตัวเลขการส่งออกประมาณ 9 ล้านล้านบาทหรือ 280,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งตัวเลขส่งออกในปี 2565 นั้นคาดว่าจะมากกว่าปี 2564 ประมาณ 4 แสนล้านบาท
การคาดการณ์ตัวเลขส่งออกเป็นบวกได้ 3 ถึง 4% ได้นั้นพิจารณาจากปัจจัย 8 ประเด็น ได้แก่ 1. เศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญย้อนหลังไป 5 ปีเพื่อนำมา 2. อัตราแลกเปลี่ยน 3. ราคาน้ำมันดิบดูไบ 4. ราคาสินค้าเกษตร 5. ราคาวัตถุดิบโลก เฉลี่ย 6. สถานการณ์โควิด 7. ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับด้านการขนส่งโลจิสติกส์ ซึ่งคาดว่าปี 2565 นั้น การผลิตตู้ป้อนตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นก็จะช่วยให้เป็นบวกกับการส่งออกได้คล่องตัวขึ้น 8. การประเมินโดยทูตพาณิชย์ของกระทรวงพาณิชย์ทั่วโลก นะครับได้ประเมินกันเข้ามา ทั้งหมดนี้นำมาสู่การคาดการณ์ว่าปีหน้าการส่งออกอย่างจะ
สำหรับหมวดส่งออกสำคัญ 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. สินค้าเกษตรและอาหาร เช่น ข้าว ผลไม้ น้ำตาล อาหารเลี้ยงสัตว์ สินค้าที่เกี่ยวข้องกับทำงานที่บ้าน (Work From Home) เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า 3. สินค้ากลุ่มเวชภัณฑ์ 4. วัตถุดิบที่ใช้เพื่อการผลิตสินค้า เช่น เหล็ก เม็ดพลาสติกเคมีภัณฑ์ ยางรถยนต์ที่จะนำไปใช้ในการผลิตรถยนต์
สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนการส่งออกในปีหน้าให้มีอัตราขยาย ได้แก่
1. การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกซึ่งมี OECD คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวบวก 4.5%
2. การนำเข้าของประเทศคู่ค้า ในปีหน้าคาดว่ายังขยายตัวดี ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น หรือสภาพยุโรป ซึ่งก็จะช่วยเสริมในการส่งออก นำเข้ามากโอกาสเราส่งออกไปก็จะมากขึ้นด้วย
3. ปัจจัยค่าเงินบาท ซึ่งคาดว่าปีหน้าก็ยังจะเอื้อต่อการส่งออก อยู่ที่ประมาณ 32 ถึง 33 บาทต่อดอลล่าร์
4. การผลิตตู้คอนเทนเนอร์ป้อนตลาดโลกที่มากขึ้น
5. การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล (e-Digital) จะช่วยเรื่องการส่งออกสินค้าด้าน IT ของไทย
6. แผนจัดการแก้ปัญหาโควิดที่จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นในภาพรวมของโลก
7. ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) 15 ประเทศที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป
ในส่วนของการค้าชายแดนและการค้าข้ามแดนของไทยสำหรับปี 2564 นั้น จะเป็นบวก 32% โดยสร้างายได้จากการส่งออก ประมาณ 1 ล้านล้านบาท สำหรับปี 2565 คาดว่าจะเป็นบวกอยู่ 5 - 7% หรือ 1.07-1.08 ล้านล้านบาท โดยมีมูลค่าการค้า ทั้งนำเข้าส่งออกทางชายแดนข้ามแดนประมาณ 1.78 – 1.82 ล้านล้านบาท
นอกเหนือจากนี้ นายจุรินทร์ ยังได้แถลงเรื่องของขวัญปีใหม่ที่กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ว่านอกจากในเรื่องของมหกรรมพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน New Year Grand Sale ที่ได้เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2564 แล้วก็จะไปสิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2565 แล้วนั้น ยังมีของขวัญปีใหม่สำหรับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศที่มาใช้บริการกับกระทรวงพาณิชย์ คือจะมีการเพิ่มจำนวนบริการ One Stop Service ออนไลน์ ที่เป็นระบบออนไลน์แบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียวบนหน้าจอได้เลย ภายใต้เว็บไซต์ www.moc.go.th ซึ่งปีที่แล้วได้เริ่มต้นนำร่องไป 85 บริการ และนับตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป จะเพิ่มอีก 33 บริการ รวมแล้วบนหน้าจอออนไลน์แบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียวบนหน้าจอได้เลย เป็น 118 บริการ
ประกอบด้วย 5 ส่วน ได้แก่ 1. บริการด้านจดทะเบียนธุรกิจ 27 บริการ เช่น การจองชื่อนิติบุคคล การให้บริการด้านการคลัง บริการค้นหาข้อมูลธุรกิจแฟรนไชส์ เป็นต้น 2. บริการด้านทรัพย์สินทางปัญญา 17 บริการ บริการสืบค้นข้อมูลสิทธิบัตรทั่วโลก เครื่องหมายการค้า บริการจดทะเบียนสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้า 3. การค้าระหว่างประเทศ เช่น การออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า บริการข้อมูลด้านการค้าเชิงลึกจากทูตพาณิชย์ทั่วโลก บริการข้อมูล FTA บริการสถิติการค้าระหว่างประเทศ รายชื่อผู้ส่งออกนำเข้า 4. บริการด้านการค้าภายในประเทศ มี 27 บริการ เช่น การสมัครร้านอาหารธงฟ้า บริการข้อมูลราคาสินค้าเกษตรในกรุงเทพ บริการข้อมูลตลาดสินค้าเกษตรออนไลน์ บริการงานช่างตวงวัด บริการดัชนีราคาผู้บริโภคและระบบร้องเรียนออนไลน์ 5. บริการสารสนเทศและกิจกรรมบริการ เช่น ระบบบริหารกิจกรรมกลาง และห้องสมุดดิจิตอล
ทางด้านนายสนั่น ตัวแทนถาคเอกชน กล่าวขอบคุณนายจุรินทร์ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่าเป็นผู้นำที่ทางภาคเอกชนชื่นชมและขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง ภายใต้การนำนี้ประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้เมื่อต้นปี ตอนที่ตั้งเป้านั้นเดลต้ายังไม่ระบาดแต่ด้วยกระทรวงพาณิชย์สนับสนุนทำให้ภาคการส่งออกไปด้วยดี และเกินเป้าอย่างที่เห็น ซึ่งใยปีหน้าก็เป็นสัญญาณที่ดี ถ้าได้ภาครัฐช่วยสนับสนุนตามนโยบายท่านจุรินทร์นั้น ก็เชื่อมั่นว่า จะสามารถทำให้เกินความคาดหวังได้