![](https://storage-wp.thaipost.net/2024/02/ชัย-วัชรงค์-2.webp)
รัฐบาลเพิ่มแต้มต่อสินค้าไทยในตลาดโลกด้วย FTA ดันไทยครองตำแหน่งส่งออกสินค้าเกษตรอันดับ 1 ในอาเซียน และอันดับ 7 ของโลก พร้อมสนับสนุนทุกภาคส่วนเพิ่มรายได้เกษตรกรไทยด้วยการตลาดและนวัตกรรม
19 ก.พ.2567-นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.การคลัง ตั้งใจขับเคลื่อนนโยบายเพื่อยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศผ่านการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Area: FTA) อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อดึงดูดการค้า การลงทุนจากต่างชาติ เดินหน้าทำการค้าเชิงรุก และผลักดันให้เกิดการขยายตลาดสินค้าเกษตรไทยในต่างประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีเชื่อว่าหากเดินหน้าผลักดันความร่วมมือ FTA ให้เต็มศักยภาพจะเพิ่มตัวเลขการค้าการลงทุนได้มหาศาล เป็นโอกาสสร้างแต้มต่อทางการแข่งขันให้ไทยในตลาดโลก
จากตัวเลขทางสถิติ ไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรของไทยอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน และเป็นอันดับ 7 ของโลก และส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน และเป็นอันดับที่ 11 ของโลก ในปี 2566
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์สถานการณ์การส่งออกกลุ่มสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของไทยไปยังกลุ่มประเทศคู่ค้า FTA ที่เป็นตลาดส่งออกของไทยที่มีศักยภาพว่าขยายตัวได้ดีในปี 2566 โดยการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังประเทศกลุ่มคู่ค้า FTA ขยายตัว 4% ที่มูลค่า 19,563 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 73% ของการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งหมด ในส่วนของการส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปไปยังประเทศกลุ่มคู่ค้า FTA มีมูลค่า 15,074 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 2% ครองสัดส่วน 67.3% ของการส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปทั้งหมด ซึ่งตลาดคู่ค้า FTA ที่การส่งออกขยายตัวทางการค้าสูง ได้แก่ จีน ซึ่งขยายตัว 11% คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 42% ของการส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของไทย ตามมาด้วยตลาดอาเซียนที่ขยายตัว 5%
สินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูปที่เป็นสินค้าศักยภาพที่ขยายตัวได้ดีในการส่งออกของไทยไปยังตลาดคู่ค้า FTA อันดับ 1 ได้แก่ ข้าว ซึ่งพบว่า ขยายตัวมากถึง 92% ในตลาดอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย อันดับถัดไป คือ กาแฟ ซึ่งพบว่าขยายตัวที่ 43% ในตลาดกัมพูชา ญี่ปุ่นและจีน ตามมาด้วยผลไม้สด แช่เย็นแช่แข็ง และแห้ง ที่ขยายตัว 23% ในตลาดจีน มาเลเซีย และเวียดนาม
ทั้งนี้ รัฐบาลอยู่ระหว่างการกำหนดแผนการทำงานช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตและรายได้ให้เกษตรกรไทยร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในประเทศไทยและจากต่างประเทศ ภายใต้นโยบาย “การตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้เกษตรกร 3 เท่า” ของรัฐบาล โดยเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้แทนการค้าไทย คณะผู้บริหารกระทรวงเกษตร และคณะผู้บริหารบริษัท หัวเว่ย (ประเทศไทย) ได้กำหนดแผนการใช้นวัตกรรมเพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้าสำหรับภาคเกษตรกร ซึ่งรวมถึงการใช้พลังงานสะอาดให้โครงการเกษตรขนาดใหญ่ การพัฒนาฐานข้อมูลด้านการเกษตรและการค้าเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการตลาดและการวางแผนการผลิตตามความต้องการของตลาด และการสร้างแอปพลิเคชั่น “เกษตรพิรุณราช” ให้เป็นช่องทางการค้าขายของเกษตรกรในลักษณะ “From Farm to Table” แก่ผู้บริโภค
“นายกรัฐมนตรีสนับสนุนการดำเนินการเพื่อเร่งต่อยอดการใช้ประโยชน์จาก FTA ให้เต็มศักยภาพ เชื่อมั่นในการเดินหน้าขยายการค้า ดึงดูดการลงทุน สนับสนุนการส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของไทยที่โดดเด่น มีศักยภาพ มีความหลากหลาย และเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค ออกไปยังตลาดโลก พร้อมทั้งนำนวัตกรรมและการวางแผนการตลาด ทั้งทางออนไลน์ ออนกราวน์ มาอำนวยความสะดวก เพิ่มคุณค่า เพิ่มโอกาส เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีให้เกษตรกรและผู้ประกอบการไทย”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เฉลิมพระเกียรติ ‘ในหลวง‘ ทส.-มท. ลุยแหล่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ภัยแล้ง
‘เกณิกา’ เผย ‘ทส.-มท.’ จับมือเดินหน้าสานต่อ โครงการแหล่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 72 แห่งเฉลิมพระเกียรติ ในหลวง ครบ 6 รอบ 72 พรรษา
รัฐบาลชวนปชช. จอง-แลกเหรียญเฉลิมพระเกียรติ 'ในหลวง' เริ่ม 24 ก.ค.
รัฐบาลเชิญชวนประชาชน จอง-แลกเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เหรียญที่ระลึก และเหรียญเฉลิมพระเกียรติ 'ในหลวง' เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ตั้งแต่ 24 ก.ค.นี้
'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป
เดือด 'โฆษกรัฐบาล' แบกปลาหมอคางดำ โยนบาปให้เกษตรกร
'ณัฐชา' อัด 'โฆษกรัฐบาล' แบก 'ปลาหมอคางดำ' โยนบาปให้เกษตรกร ขอ อย่าลอยตัวอยู่ในห้องแอร์ ต้องระดมแก้ปัญหาช่วยเหลือ
'นายก' ชวนประชาชนบริจาคโลหิต 10 ล้านซีซี เฉลิมพระเกียรติในหลวง
นายกฯ เชิญชวนประชาชนแบ่งปันธารน้ำใจ บริจาคโลหิต 10 ล้านซีซี ถึงสิ้นเดือนธ.ค.67 เฉลิมพระเกียรติในหลวง
เทวฤทธิ์ -กลุ่มสว.พันธุ์ใหม่ เสรีนิยมก้าวหน้า ปฏิรูปสภาสูง
สมาชิกวุฒิสภา(สว.)ชุดปัจจุบัน 200 คน จะประชุมร่วมกันนัดแรกในวันอังคารนี้ 23 ก.ค. โดยมีระเบียบวาระสำคัญที่จะให้สว.ทั้งหมดร่วมกันประชุมลงมติ นั่นก็คือ