'รัดเกล้า' เผยกระทรวงพลังงานติดตามสถานการณ์น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่องไม่ให้ขาด ชี้รัฐบาลมีแผนรองรับ ปี 2567 สำรองน้ำมันดิบเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
17 ม.ค.2567 - นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงาน ได้มีการประชุมหารือติดตามสถานการณ์การขาดแคลนราคาน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชนผู้ใช้บริการ โดยล่าสุดกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ได้ประชุมติดตามสถานการณ์ ร่วมกับโรงกลั่นน้ำมันทุกแห่ง และผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 เพื่อติดตามสถานการณ์ เตรียมมาตรการป้องกันและแก้ไขการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง กรณีการหยุดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 3 ของโรงกลั่นไทยออยล์ เป็นระยะเวลา 13 วัน ระหว่างวันที่ 16 – 28 มกราคม 2567 โดยพบว่าจะส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตน้ำมันอากาศยาน (JET A1) 110 ล้านลิตร น้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็ว 240 ล้านลิตร น้ำมันกลุ่มเบนซิน 60 ล้านลิตร และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) 15 ล้านกิโลกรัม โดยจากการติดตามสถานการณ์ดังกล่าว พบว่า บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) และผู้ค้าน้ำมันสามารถจัดหาน้ำมันกลุ่มเบนซิน น้ำมันอากาศยาน (JET A1) และ LPG ได้เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศโดยไม่มีผลกระทบ
สำหรับน้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็ว การจัดหาค่อนข้างตึงตัวในช่วงแรก กรมธุรกิจพลังงานจึงได้สั่งการให้ผู้ค้าน้ำมันชะลอการส่งออกน้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็วออกไปก่อน เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็วภายในประเทศให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ รวมถึงเร่งนำน้ำมันสำรองตามกฏหมายกลุ่มดีเซลหมุนเร็วออกมาจำหน่ายได้ในนปริมาณไม่เกินกว่า 20% ของปริมาณสำรองตามกฎหมายที่มีหน้าที่ต้องเก็บสำรอง ส่งผลให้มีน้ำมันเพียงพอต่อความต้องการใช้ของประเทศ นอกจากนี้ กรมจะติดตามและประเมินสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด จึงขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดการขาดแคลนน้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็ว
นางรัดเกล้ากล่าวว่า มาตรการดังกล่าว ไม่มีมีผลใดต่อๆ การที่รัฐบาลประกาศตรึงราคาน้ำมันดีเซล ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ออกไป อีก 3 เดือน เริ่ม 20 มกราคม ถึง 19 เมษายน 2567 แต่อย่างใด ขอให้เชื่อมั่นว่า ประเทศไทยมีพลังงานสำรองเพียงพอ ซึ่ง กระทรวงพลังงานงานปี 2567 ยึดมั่นในเป้าหมายพลังงานเพื่อความมั่นคง โดยมีการประกาศใช้แผนปฏิบัติการด้านพลังงาน พ.ศ.2566 ถึง 2580 หรือแผนพลังงานชาติและแผนพลังงานในสาขา โดยมีการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติให้เพียงพอในราคาที่เป็นธรรม โดยเป้าหมายปี 2567 คือมีแนวทางเพื่อให้ประเทศมีความมั่นคงทางพลังงาน และมีแนวลดปล่อยคาร์บอนจากพลังงานพลังงาน ควบคู่กับเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศ ด้วยการเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติจากแปลง G1/61 เป็น 800 MMscfd นอกจากนั้นยัง พร้อมเปิดให้ยื่นขอสิทธิ์สำรวจและผลิตปิโตรเลียมสำหรับแปลงสำรวจบนบกครั้งที่ 25 และ มีแนวทางส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็น Regional LNG Hub และมีอัตราสำรองน้ำมันดิบที่เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันอีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'วัชระ' ล่าชื่อปชช. เตือน 'นายกฯ-ครม.' บ้าจี้ให้ยุบโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ จะยื่นป.ป.ช.สอบทันที
'วัชระ' ส่งรายชื่อประชาชน 207 คน ที่คัดค้านการยกเลิกโรงไฟฟ้าพลังก๊าซธรรมชาติ จ.สุราษฎร์ธานี ขู่ ครม.แพทองธาร อนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอให้ยุบเลิกและไปยกให้บริษัทเอกชนสร้างที่จ.ราชบุรี จะยื่นเรื่องร้องเรียนให้สำนักงาน ป.ป.ช. สอบสวนทันที
'พีระพันธุ์' เผยร่างกฎหมายพลังงานเสร็จแล้ว วางระบบใหม่ทั้งหมด ราคาเป็นธรรมเหมาะสม
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการนำเสนอนโยบายของ รทสช.ต่อรัฐบาล
รัฐบาลชวนเที่ยวงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ฯ 16-25 ส.ค.นี้
รัฐบาลเชิญชวนเที่ยวงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 2567 ภายใต้แนวคิด 'Future Science Community for All' ระหว่างวันที่ 16 - 25 ส.ค. ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี