'สมศักดิ์' หารือตัวแทนมาเลย์เดินหน้าแผนสันติสุขด้ามขวาน

'สมศักดิ์' หารือตัวแทนสันติสุขมาเลเซีย วางกรอบทำงานเร่งแก้ปัญหาให้รวดเร็ว “ฉัตรชัย” หวังคลอดแผน เม.ย.2567 หวังมีข้อตกลงร่วมกัน ธ.ค.หรือต้นปี 2568

10 ม.ค.2567 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ พล.อ.ตันศรี ดาโต๊ะ สรี ซุลกิฟลี ไซนัล อะบีดิน ผู้อำนวยความสะดวกในกระบวนการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้

จากนั้น 12.20 น. นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางแก้ปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ว่า จะมุ่งเน้นการพัฒนาพื้นที่ให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น ส่วนหาหารือกับ พล.อ.ตันศรี ในวันนี้เป็นการสร้างความเข้าใจระหว่างภาคส่วนราชการของไทยและมาเลเซียเพื่อให้ทำงานให้ลงตัว เหมือนการสร้างระเบียบเพื่อให้การทำงานใช้เวลาไม่นาน รวมถึงกำหนดกฎเกฑณ์ในการพูดคุยว่าจะพูดคุยได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร ส่วนจะมีการพูดคุยสันติสุขครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่นั้นยังไม่ทราบ เพราะวันนี้เป็นการพูดคุยเพื่อเตรียมความพร้อมการทำงานให้เกิดความรวดเร็ว เพื่อให้ไทยกับมาเลเซีย จับมือกันพัฒนาเศรษฐกิจแข่งกับประเทศอื่นๆได้

เมื่อถามถึงกรณีภาคประชาสังคมยื่นหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ ว่าถูกภาครัฐใช้การดำเนินคดีเป็นการปิดปากกว่า 40 คดี จะสวนทางการพูดคุยสันติภาพหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าเรายกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในบางอำเภอ แล้วใช้กฎหมายความมั่นคงแทนก็จะทำให้การแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ง่ายขึ้น เราพยายามยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในบางอำเภอออกไป ขอยืนยันว่าทั้งสองประเทศต้องทำหลักการณ์ให้ชัดเจนและดำเนินไปตามแนวทางที่วางร่วมกันเพื่อไปสู่เป้าหมาย

ขณะที่นายฉัตรชัย บางชวด รักษาการเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ระบุว่า การหารือกันในวันนี้เพื่อนำคณะพูดคุยของฝ่ายรัฐทั้ง 2 ประเทศมาพูดคุยกันกำหนดแนวทางการทำงาน และขั้นตอนที่จะไปพูดคุยที่มาเลเซีย โดยยืนยันว่าจะมีการสานต่อการพูดคุยสันติสุขในแนวทางเดิม โดยใช้แผนสันติสุขแบบองค์รวม คาดการว่าจะมีการพิจาณาร่างดังกล่าวในเดือนมิ.ย.2567 โดยตัวแทนผู้อำนวยความสะดวกของไทย จะไปพูดคุยกับฝั่งมาเลเซีย อาจจะมีความเป็นไปได่ว่าจะมีการพูดคุยเจรจากันภายในเดือน ก.พ.2567 ทั้งนี้ไทยมีเป้าหมายรับรองแผนฉบับดังกล่าวในเดือน เม.ย.2567 จะทำให้การขับเคลื่อนเดินหน้าไปได้มากขึ้น โดยมีเรื่องการลดความรุนแรง การเผชิญหน้า การเปิดเวทีสาธารณะ รวมไปถึงการแสวงหาทางออกทางการเมือง หวังว่าร่างฉบับนี้จะนำไปสู่ความสงบสุขในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดน ในขั้นต้นคาดหวังว่าจะมีข้อตกลงสันติสุขภายในเดือน ธ.ค.2567 หรือช่วงต้นปีหน้า แต่ปัจจุบันขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสภาพแวดล้อม ยืนยันว่าจะดำเนินการตามแผนปฏิบัติการร่วมเพื่อสร้างสันติสุขแบบองค์รวม หรือ JCPP ที่ทำกับ BRN เดิม ซึ่ง BRN เป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนได้ส่วนเสีย และคนในพื้นที่ก็มีส่วนสำคัญ จึงจำเป็นต้องเปิดเวทีสาธารณะเพื่อรับฟังปัญหา ซึ่งสุดท้ายต้องเป็นเรื่องของคนไทยด้วยกันเองที่ต้องหาข้อสรุปร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าว แต่เรื่องความไว้เนื้อเชื่อใจก็เป็นส่วนสำคัญ จึงจำเป็นต้องให้ทางการมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก ซึ่งที่ผ่านมาใช้ระยะเวลาหลายปีในการสร้างความไว้วางใจ เพื่อให้ผู้เห็นต่างเชื่อมั่นว่ารัฐมีความจริงจังที่จะแก้ไขปัญหา

นายฉัตรชัย กล่าวว่า ส่วนเรื่องที่กองทัพภาพที่ 4 แจ้งความดำเนินคดีในกรณีการสวมชุดมลายูอาจสวนทางกับกระบวนการพูดคุยจะมีข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลอย่างไรนั้น อาจเป็นความเข้าใจผิด ไม่ได้มีข้อห้ามใดๆ ทั้งสิ้น เป็นไปตามนโยบายจังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาล เป็นเรื่องสิ่งสวยงาม อัตลักษณ์ วัฒนธรรม ทุกส่วนสามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ ส่วนการกระทำความผิดบางส่วนก็เป็นเรื่องของกองทัพภาค 4 ที่จะดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ แต่ทั้งหมดต้องมีการพูดคุยกันภายในหาจุดลงตัวเหมาะสม ซึ่งมองว่าอาจมีบางส่วนเห็นต่างและสุ่มเสี่ยง ตนมองว่า ปล่อยให้กระบวนการดำเนินการไป ส่วนเรื่องการพูดคุยกันภาพใหญ่ก็จะดำเนินการต่อไป เนื่องจากมีประชาชนในพื้นที่ต้องการให้ดำเนินการต่อ ซึ่งต้องดำเนินการคู่ขนานกันต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

5 วันอันตรายสังเวยแล้ว 215 ชีวิต 'กทม.-นนทบุรี' ครองแชมป์

ศปถ.กำชับด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด จุดบริการ รองรับการเดินทางกลับของประชาชน บังคับใช้กฎหมายกับผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง - ดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนอย่างต่อเนื่อง

'มท.หนู' ลั่นมหาดไทยยุคนี้ ไร้อำนาจเก่าไม่แตกแถว ผู้ว่าฯ ทำงานเกียร์ 10

'มท.หนู' ลั่นมหาดไทยยุคนี้ไม่แตกแถว ไร้ปัญหาฝ่ายการเมืองปะทะขรก.ประจำ ยันผู้ว่าฯ เข้าเกียร์ 10 ชี้ใครไม่สนองงานชาวบ้าน มีวิธีจัดการร้อยแปดพันเก้า

5 ทศวรรษ อย. บนเส้นทางคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ พร้อมเดินหน้าพัฒนาทุกมิติ ขับเคลื่อนระบบสุขภาพไทยให้มั่นคงและยั่งยืน

อย. ครบรอบ 50 ปี ยังคงมุ่งมั่นยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภค การอนุมัติ/อนุญาต ที่เป็นมาตรฐานสากล และสนับสนุนภาคธุรกิจในทุกระดับ