"วราวุธ" พอใจ อภิปรายวันแรก ขอบคุณ"นายกฯ"ให้ความสำคัญ งบ พม. เป็นห่วงความเป็นอยู่กลุ่มเปราะบาง แจงขึ้นเบี้ยผู้สูงอายุถ้วนหน้า1,000 บาทไม่ได้ เหตุรายรับ-รายจ่ายรัฐบาลยังสวนทางกัน เหตุคนไทยเสียภาษีไม่ถึง 5 ล้านคนต่อปี หวั่นเป็นภาระสำนักงบประมาณ
4 ม.ค.2567 - ที่รัฐสภา นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) เปิดเผยว่า พอใจการอภิปราย พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ในส่วนของงบประมาณพม.และขอบคุณฝ่ายค้านที่ได้ตั้งข้อสังเกตในหลายประเด็น ทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อม เกษตร โดยเฉพาะประเด็นเรื่องสังคมที่ทางพม.ได้ดูแลอยู่ ซึ่งข้อสังเกตเหล่านั้นจะนำไปปรับปรุงและเร่งรัดการทำงานต่อไป และต้องขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลที่มีความเป็นห่วงเป็นใยความเป็นอยู่กลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็ก ซึ่งข้อมูลล่าสุดที่ตนเพิ่งได้ของเดือนธันวาคม 2566 ประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุเกิน 20% ของประเทศ ประมาณ 20.1- 20.2% ซึ่งถ้าเทียบตามกติกาของสากล 7-14%หมายถึงสังคมผู้สูงอายุ ส่วน14-20%เป็นสังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์แบบ และถ้าเกิน20% เป็นสังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด และตอนนี้ประเทศไทยเป็นสังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด เท่ากับประเทศญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นต้องทำความเข้าใจว่าการดูแลผู้สูงอายุเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องทำ แต่ศักยภาพในการดูแลเมื่อเทียบกับจำนวนเด็กเกิดใหม่ทั้งหมด ในปี2565มี4แสนกว่าคนเท่านั้น นั่นหมายความว่า จากนี้ไปจำนวน Geny -Gen Z หรือในอนาคตก็จะต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อที่จะมีสวัสดิการให้กับกลุ่มผู้สูงอายุที่นับวันมีมากขึ้น
นายวราวุธ กล่าวต่อว่าหัวใจสำคัญ นอกจากการดูแลผู้สูงอายุให้ทั่วถึงแล้ว รัฐบาลจำเป็นต้องดึงเอาศักยภาพของคนทุกกลุ่มในประเทศไทยช่วงระยะเวลาสั้นออกมา เพราะทั้งกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มคนพิการไม่ได้แปลว่าไม่มีศักยภาพในการทำงาน เพราะทุกคนล้วนเป็นบุคลากร และเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าของสังคมไทย จึงต้องดึงเอาศักยภาพ และเสริมศักยภาพของคนกลุ่มนี้ เข้ามาเป็นโปรดักทิวิที้ เพื่อให้เกิดรายได้ และพลังขับเคลื่อนของสังคม เพราะไม่เช่นนั้นนับวันจะมีผู้สูงอายุมากขึ้นและมีคนต้องใช้เงินสวัสดิการมากขั้น ซึ่งสวนทางกับคนที่มีกำลังทำงานที่มีปริมาณน้อยลง จะทำให้คนเจนYเจนZ เป็นนางแบก และไม่อยากให้กลุ่มเหล่านี้ถอดใจและเกษียณก่อนวัยอันควรที่ไม่อยากจะแบกรับสวัสดิการเหล่านั้น จึงเป็นเวลาที่สังคมไทยต้องมาเสริมสร้างกลุ่มที่เปราะบางเพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง และเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมไทยได้
เมื่อถามถึง การอภิปรายที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับงบปี67 เพื่อการพัฒนาสังคม นายวราวุธ กล่าวว่า ต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาทุกมิติ เพราะหลายประเด็นที่นายกรัฐมนตรีได้พูดถึง ทั้งเรื่องความรุนแรงของสตรี และความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งถือเป็นกำลังใจให้กับพม.
ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่ฝ่ายค้านอภิปรายอยากให้ปรับเบี้ยผู้สูงอายุเป็น 1,000 บาทต่อเดือนเท่ากันทุกช่วงวัย นายวราวุธ กล่าวว่า การขอไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า การจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุปัจจุบันที่เป็น step 600/700/800นั้น เราใช้เงินปีล่ะประมาณหนึ่งแสนล้านบาท ดังนั้นถ้าจะปรับให้เป็น 1,000 บาทถ้วนหน้าต้องใช้เงินมากขึ้นถึง60,000ล้านบาท
ทั้งนี้หากสำนักงบประมาณและรัฐบาลมีเงินพอก็เชื่อว่าอยากจะให้อยู่แล้ว แต่ปี2565 ประเทศไทยมีคนเสียภาษีจริงๆ 4 ล้านกว่าคน และมีเงินภาษีกับบริษัทห้างร้าน และสรรพสามิต ซึ่งไม่ถึง10% ของประชากรคนไทยหรือมีคนเสียภาษีไม่ถึง5ล้านคน เงินขาเข้ามีน้อย แต่เงินขาออก ทุกคนอยากให้มีถ้วนหน้า ดังนั้นสิ่งสำคัญคือต้องเน้นกลุ่มเปราะบาง และคนที่เดือดร้อนมากที่สุดก่อน แล้วค่อยๆดูแลตามลำดับความสำคัญไผ
"ส่วนตัวก็อยากจะให้ดูแลสังคมให้ถ้วนหน้าได้จริงๆอย่างที่ถูกอภิปรายแต่ก็เห็นใจกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณที่มีรายได้น้อยและจำกัด พม.เองก็ไม่อยากให้งบประมาณกลายเป็นงบขาดดุลทุกปีๆ ซึ่งปีนี้ก็กู้มาอีกหลายแสนล้าน และถ้าต้องการถ้วนหน้าจริง ก็จะเป็นการเพิ่มภาระให้กับสำนักงบประมาณอีก แต่ถ้างบเพียงพอ ผมคิดว่าไม่ใช่แค่1,000บาท แต่ 3,000 บาทหรือกี่พันบาทเราก็อยากให้ แต่วันนี้รายจ่ายและรายรับมันไม่บาลานซ์กัน”
นายวราวุธ กล่าวว่า ตนไม่อยากให้มองว่า ผู้สูงอายุจะต้องเป็นฝ่ายรับฝ่ายเดียว เพราะสังคมผู้สูงอายุตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไปนั้น หลายคนก็มีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดี ซึ่งเกิดจากระบบสาธารณสุขของไทยที่มีการพัฒนา ดังนั้นจึงมองว่า สังคมไทยควรให้ความสำคัญกับกลุ่มนี้ เพราะเขาสามารถทำงานเป็นกำลังสำคัญให้กับประเทศไทยได้ ดังนั้นทุกคนอาจจะตั้งคำถามว่าจะเอากลุ่มคน 60 ปีมาทำงานหรือ ซึ่งต้องบอกว่า วันนี้กลุ่มคนทำงานมีจำนวนน้อยลง แต่กลับมีจำนวนผู้ใช้สวัสดิการเพิ่มขึ้น จึงเกิดคำถามตามมาว่า ถ้าทุกคนอยากได้รับการสนับสนุน แล้วจะเอาคนกลุ่มไหนมาทำงาน เพื่อที่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศชาติได้ และหากกลุ่มผู้สูงอายุทำงานได้ เป็นเหมือนการยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะประเทศชาติจะได้เงินภาษีเพิ่มขึ้น และสามารถทำให้ผู้สูงอายุมีกิจกรรมทำหลังวันเกษียณ ซึ่งจะเป็นผลดีที่ทำให้ผู้สูงอายุไม่ต้องกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดเบื้องลึก! ทำไม 'ภูมิใจไทย' มีแคนดิเดตนายกฯแค่ 2 คน
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ทำไม ภูมิใจไทย มีแคนดิเดตเพียง 2 คน" โดยระบุว่า
'วราวุธ' เผยอบอุ่น-มีพลังอยู่บ้านภูมิใจไทย ไม่แคร์ 'ยศชนัน' เปิดซิงสุพรรณฯ ลั่นเจาะได้ก็ลองกันดู
“วราวุธ” ลั่น "เจาะได้ก็ลองกันดู" หลัง “ยศนัน” หอบคณะเพื่อไทย ลงพื้นที่หาเสียงสุพรรณบุรี บอก แย่งพื้นที่ได้หรือไม่ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
'หนูนา' เปิดใจร่ายยาว ทำไม 'ท็อป' ปล่อยมือ 'ชทพ.' ไปอยู่ ภท.
'หนูนา' เปิดใจ 'ท็อป' ลา ชทพ. เหตุต้องหาพื้นที่อยู่บนถนนการเมืองต่อไปได้ รับรุ่นลูกไม่เก่งเท่าพ่อบรรหาร เลือก ภท. เพราะยึดมั่นในชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เผยรักษาการหัวหน้าพรรค แต่ไม่มีกิจกรรมการเมือง
'วราวุธ' นำทีมสส.สุพรรณฯ ไหว้อนุสาวรีย์บรรหาร ก่อนย้ายไปซบ ภท.พรุ่งนี้
“วราวุธ” พร้อม 5 อดีตสส.สุพรรณบุรี ไหว้ อนุสาวรีย์นายบรรหาร ก่อนไปสมัคร ภท.พรุ่งนี้ “ประภัตร” นำขอขมานายกฯคนที่ 21 บอก หยุดพรรคชั่วคราว ไปทำหน้าที่ผู้แทนในรัฐบาล แล้วจะกลับมา ด้าน “ท็อป” ขออภัย ลั่น ไม่ได้ทิ้งคนสุพรรณฯ แต่ไปอยู่ ภท. ท่องยุทธจักร สร้างความเข้มแข็ง รับที่ผ่านมาพรรคเล็กทำงานลำบาก
ปิดฉาก 'ชทพ.' วราวุธ นำทีม 10 อดีต สส. เซ็นไขก๊อก สมัคร ภท. 15 ธ.ค.
'วราวุธ' นำทีมอดีต 10 สส. 'ขทพ.' เซ็นใบลาออกยื่นนายทะเบียนพรรค เตรียมตบเท้าสมัครเข้า 'ภท.' 15 ธ.ค.
"อัครา" นำทีม พม.ใกล้คุณ จับมือเครือข่าย จ.ตรัง เร่งฟื้นฟูกลุ่มเปราะบาง-ปชช. หลังน้ำลด ร่วมกันพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีกว่าเดิม
วันที่ 10 ธันวาคม 2568 นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.)

