27 ธ.ค.2566 - นางรัดเกล้า อินทวงค์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ (กวช.) เสนอความก้าวหน้าการวิจัยพัฒนาและผลิตวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในประเทศไทย โดยวัคซีน COVID-19 ที่วิจัยพัฒนาโดยองค์การเภสัชกรรม ชื่อทางการค้า HXP - GPOVAC ได้รับการอนุมัติการขึ้นทะเบียนแบบมีเงื่อนไข (Conditional Approval) จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566 เรียบร้อยแล้ว
นางรัดเกล้า กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรค COVD-19 ที่เริ่มแพร่เข้าสู่ประเทศไทยตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2563 กวช. กระทรวงสาธารณสุข โดยสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (สวช.) ได้จัดทำแผน Blueprint เพื่อการเข้าถึงวัคซีนป้องกัน COVID-19 ของประชาชนไทย โดยใช้เป็นกรอบนโยบายในการบูรณาการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2563-2565 และได้รับความเห็นชอบจาก กวช. เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2563 โดย สวช. ได้ดำเนินการภายใต้แผน Blueprint มาตั้งแต่ปี 2563 สรุปได้ ดังนี้
1. การพัฒนาวัคซีนต้นแบบในประเทศไทยตั้งแต่ต้นน้ำ โดยหน่วยงานที่มีศักยภาพในประเทศได้ดำเนินการวิจัยพัฒนาวัคซีน COVID-19 ภายใต้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีชนิดต่าง ๆ ซึ่งมีความสำเร็จและความก้าวหน้า สรุปได้ดังนี้ (1) วัคซีนชนิด Inactivated recombinant viral vectorvaccine ได้รับการวิจัยโดยองค์การเภสัชกรรม ซึ่งได้รับการอนุมัติการขึ้นทะเบียนแบบมีเงื่อนไข (Conditional Approval) เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566 โดยใช้ชื่อทางการค้า HXP-GPOVAC และใช้ในกลุ่มเป้าหมายสำหรับผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
(2) วัคซีนชนิด mRNA ได้รับการวิจัยโดยศูนย์วิจัยวัคซีนแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจาก อย. ให้ดำเนินการศึกษาวิจัยในมนุษย์ระยะที่ 2
(3) วัคซีนชนิด Protein subunit (Plant-based) ได้รับการวิจัยโดยบริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด ซึ่งได้รับอนุญาตให้ผลิตยาตัวอย่างเพื่อขอขึ้นทะเบียนตำรับยาตามแบบ ผ.ย. 8 เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2566 ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อทดสอบวัคซีนในมนุษย์
และ (4) วัคซีนขนิด DNA ได้รับวิจัยโดยบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด แม้ว่าจะไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จของการศึกษาวิจัยในมนุษย์ระยะที่ 1 แต่ยังสามารถใช้ศักยภาพของโรงงานผลิตวัคซีนเพื่อสนับสนุนการผลิตวัคซีนชนิด Nucleic acid3
2. การทำความร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อขอรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีน โดย อย. ได้ทำการประเมินและพิจารณาข้อมูลด้านคุณภาพของวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ที่ผลิตจากบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด พบว่า มีความทัดเทียมกับคุณภาพวัคซีนที่ผลิตจากประเทศอิตาลีที่ขึ้นทะเบียนไว้ ดังนั้น อย. จึงอนุมัติเพิ่มบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด เป็นสถานที่ผลิตวัคซีน COVID-19 ของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 และเมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ส่งมอบวัคซีนได้ครบถ้วน จำนวน 61 ล้านโดส
และ 3. การจัดซื้อ จัดหาวัคซีน โดยจองล่วงหน้าจากบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 26 ล้านโดส ซึ่งลงนามในสัญญาเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 และมีการเจรจาขอซื้อวัคซีนเพิ่มเติมอีกจำนวน 35 ล้านโดส โดยแก้ไขเพิ่มเติมจากสัญญาเดิม ทำให้ไม่ต้องเสียค่าจองวัคซีนเพิ่ม รวมมีการจัดหาวัคซีนจากบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า รวมทั้งสิ้น 61 ล้านโดส ซึ่งวัคซีนดังกล่าวได้นำมาฉีดให้ประชาชนไทยในปี 2564-2565
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'หมอยง' ชี้สถานการณ์โควิดเปลี่ยนตามกาลเวลา ปีนี้ยุติแล้ว แต่ไวรัสยังอยู่ต่อไป
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า 5 ปี โควิด 19 กาลเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน
ไทยติดโควิดใหม่รอบสัปดาห์ 549 ราย ดับเพิ่ม 1 คน
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน 2567
โควิดกลับมาระบาดใหม่ ‘หมอมนูญ’ ขออย่าตื่นตระหนก รักษาตามอาการหายได้
เวลาผ่านไปโรคโควิดลดความรุนแรงลง โรคโควิดไม่น่ากลัวหมือนเมื่อ 3-4 ปีก่อน คนไทยไม่ต้องตื่นตระหนกตกใจกลัวโรคโควิดมากเกินไป
สายการบิน 'ลุฟท์ฮันซา' ต้องจ่ายค่าปรับกรณีเลือกปฏิบัติต่อผู้โดยสารชาวยิว
สายการบินลุฟท์ฮันซาต้องจ่ายค่าปรับจำนวน 4 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐอเมริกา เหตุเพราะในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดขอ