'ประเสริฐ' ฟุ้งถอนรากถอนโคนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จ่อชงแก้กม. 3 ฉบับ เพิ่มโทษซื้อขายข้อมูล

28 พ.ย.2566- ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า กระทรวงรับมือไว้แล้ว 4 มาตรการ ได้แก่ 1.ศูนย์ฮอตไลน์ 1441 ซึ่งก็มีอยู่และได้แก้ปัญหาให้กับประชาชนไปแล้ว

2.เน้นการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพราะขณะนี้มีข้อมูลรั่วไหล และมิจฉาชีพนำไปใช้จนทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งตนได้กำชับสำนักงานควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ต้องอบรมและให้แนวทางการทำงาน ให้เสร็จโดยเร็ว ซึ่งมีหน่วยงานภาครัฐ 85 หน่วย ได้ทำไปแล้ว อย่างไรก็ตามมีอีก 9,000 หน่วยงาน รวมถึงเอกชนที่จะต้องดำเนินการให้เสร็จ

3.เราจะเชิญเครือข่ายมือถือค่ายใหญ่ มาพูดคุยเรื่องการใช้ซิมม้า ในการกระทำความผิด คือมีการใช้ซิมดังกล่าวโทรไปหาผู้เสียหาย หนึ่งซิมในวันเดียวโทรไปหา 100 กว่าครั้ง เราจึงเชิญค่ายมือถือมาพูดคุยเพื่อใช้จะเอไอในการตรวจจับ

4.ตนได้คุยกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แล้ว เรื่องของซิมที่เกิน 5 ซิมต้องลงทะเบียน ฉะนั้นแล้วเรื่องนี้ต้องดำเนินการภายในไม่เกิน 1 เดือน

นายประเสริฐ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญเราต้องสร้างการตระหนักรู้ คงต้องมีการอบรมใฟ้ความรู้กับประชาชนในเรื่องนี้ ให้เหมือนการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการขยายผลไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีเครือข่ายในเมืองเล้าก์ก่ายหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า มีและกำลังตามอยู่ โดยตนให้ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ในฐานะประธานอนุกรรมการปรับปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้สืบประวัติและดูพฤติกรรม ซึ่งตอนนี้ส่วนหนึ่งได้กลับบ้านไปแล้ว ส่วนหลายคนที่ไปทำงานที่เมืองเล้าก์ก่าย หลายคนก็โดนดำเนินคดีต่อ

เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะสามารถถอนรากถอนโคนได้ นายประเสริฐ กล่าวว่า มั่นใจ เพราะวันนี้เราใช้ทุกองคาพยพ ทั้งฝ่ายกฎหมายและเจ้าหน้าที่ตำรวจ

นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า ขณะนี้กำลังให้ฝ่ายกฎหมายของกระทรวงดิจิทัลฯ เตรียมนำเสนอว่าอะไรที่จำเป็นต้องแก้ไข หรือ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดทางคอมพิวเตอร์ เดิมกำหนดเฉพาะคนที่แฮ็กให้มีความผิด แต่ไม่ได้กำหนดว่าพวกที่ซื้อขายข้อมูลผิด ลักษณะนี้ต้องเพิ่มฐานความผิด ซึ่งตอนนี้อาจจะต้องมีการแก้ไขกฎหมายถึง 3 ฉบับ คือ 1.พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 2.พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร 3.พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งตอนนี้เราแก้แล้ว รอเสนอกฤษฎีกาในเดือนธันวาคมนี้ และถ้าไม่มีอะไรแก้ไขก็จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างไรก็ตาม จะเป็นการเพิ่มโทษ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดีอี เตือนระวัง 'โจรออนไลน์' หลอกลงทะเบียน 'ดิจิทัลวอลเล็ต' ขอรอรัฐบาล

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า จากที่มีการเผยแพร่ในสังคมออนไลน์ กรณีที่รัฐบาลเปิดให้ลงทะเบียน “ดิจิทัลวอลเล็ต” พร้อมส่งลิงก์ในแพลตฟอร์ม ให้กดลงทะเบียนรับสิทธิ์ หรือติดตั้งแอปพลิเคชัน

‘เกณิกา’ โชว์ผลงานกวาดล้างเว็บพนันออนไลน์ทลายเครือข่าย ‘แม่มนต์’ 

”เกณิกา”เผย ผลงาน รบ.เร่งปฏิบัติกวาดล้างเว็บพนันออนไลน์ ทลายเครือข่าย"แม่มนต์" พบยอดเงินหมุนเวียนกว่า 5,000 ล้าน

ดีอี ประกาศแอปดูดเงิน เป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ระดับร้ายแรง

รมว. ดีอี ประกาศแอปดูดเงิน เป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ระดับร้ายแรงสั่งการ สกมช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สกัดโจรออนไลน์สร้างความเสียหายกว่า 2,600 ล้านบาทพร้อมปกป้อง ปชช. ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ

ทลาย 5 เว็บพนันฟุตบอลยูโรรายใหญ่ รวบผู้ต้องหา 11 ราย ยึดทรัพย์ 360 ล้านบาท

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วย นายสุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช ที่ปรึกษาฯ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท, พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ,พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.มนเทียร พันธ์อิ่ม รอง ผบช.ฯ ปฏิบัติราชการ บช.สอท., และ พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รอง ผบก.สอท.2 ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการ “FINAL BET บุกทลาย 5 เครือข่ายเว็บพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอลยูโรรายใหญ่รวบผู้ต้องหาสำคัญ 11 ราย ยึดทรัพย์รวมกว่า 360 ล้านบาท”

ปปง. เปิดให้ผู้เสียหายเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลงทะเบียน รับเงินคืน ผ่าน 3 ช่องทาง

'คารม' เผย ปปง. เปิดให้ผู้เสียหายเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลงทะเบียนคุ้มครองสิทธิเพื่อรับเงินคืน ผ่าน 3 ช่องทาง ย้ำเตือนประชาชนอย่าหลงกลโอนเงินให้มิจฉาชีพ ระบุมูลค่าความเสียหายเดือน มิ.ย. กว่าสามพันล้านบาท