‘ทิพานัน’ เชิญชวนประชาชน-เจ้าของสถานประกอบการร่วมกันตรวจสอบ “หมอปลอม” ผ่านเว็บไซต์แพทยสภา เช็คง่ายรู้ทันที ชี้มีกฎหมายควบคุมโทษถึงจำคุก หวังไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ
20 ธ.ค.2564-น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่หมอปลอมใช้เอกสารใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมของแพทย์หญิงท่านหนึ่งที่อยู่ต่างประเทศมาสมัครเป็นแพทย์ของคลินิกของ น.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ หรือพิมรี่พายว่า ปัจจุบันพบมิจฉาชีพมีกลอุบายในการหลอกลวงพี่น้องประชาชนในหลายรูปแบบ การสวมรอยเป็นบุคคลากรทางการแพทย์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีทั้งหลอกลวงให้บริการประชาชน หลอกเพื่อขายสินค้า ทำให้ประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อต้องสูญเสียทรัพย์สินและอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เสียโฉม และอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ประกอบกับการเข้าถึงช่องทางต่างๆ ในโลกโซเชียลของมิจฉาชีพเหล่านี้ ทำให้เข้าถึงเหยื่อได้ง่ายขึ้น
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า กรณีที่เป็นข่าวนี้อยู่ในขณะนี้ผู้แอบอ้างเข้าข่ายการกระทำความผิดในหลายข้อหาด้วยกัน กล่าวคือ พ.ร.บ. ประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2525 มาตรา 26 ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท และ พ.ร.บ. ประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2525 มาตรา 28 แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท และยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342 ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นผู้อื่น ซึ่งมีอัตราโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 100,000 บาท อีกด้วย ซึ่งสำหรับคลินิกเองก็ควรมีการตรวจสอบอย่างรัดกุมเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดตาม พ.ร.บ. สถานพยาบาล 2541 มาตรา 34 (1) ที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบต้องควบคุมและดูแลไม่ให้บุคคลอื่นซึ่งไม่ได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“ขอเชิญชวนประชาชนและเจ้าของสถานประกอบการร่วมกันตรวจสอบแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ โดยสามารถตรวจสอบได้ง่ายๆ รู้ผลทันที กับทางแพทยสภาผ่านช่องทางเว็บไซต์ https//checkmd.tmc.or.th เพื่อปกป้องตนเอง และเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน จากบรรดามิจฉาชีพเหล่านี้ โดยเฉพาะกรณีคลินิกศัลยกรรมความงาม ผู้ที่มีความประสงค์จะเสริมความงาม ควรตรวจสอบข้อมูลจากทางอินเตอร์เน็ต และข่าวสารเกี่ยวกับการศัลยกรรมความงามก่อน ตัดสินใจเลือกใช้บริการ โดยใช้โอกาสจากการให้คำปรึกษาฟรีของคลินิก ในการประเมินความสามารถของศัลยแพทย์ และพนักงาน รวมถึงประเมินมาตรฐานต่างๆ ในการให้บริการของคลินิก โดยต้องมีใบประกอบวิชาชีพ ใบอนุญาตประกอบกิจการ มีอุปกรณ์หรือเครื่องมือแพทย์ที่สำคัญ เช่น เครื่องวัดความดันโลหิต เครื่องตรวจสอบคลื่นหัวใจ และอุปกรณ์กู้ชีพ ประเมินความสะอาด ถูกต้องตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541และพูดคุยกับแพทย์อย่างละเอียดก่อนจะยินยอมให้ทำการศัลยกรรม”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'บอสณวัฒน์' ควง 'ชาล็อต' แถลง กลโกงมิจฉาชีพทำสูญเงิน 4 ล้าน!
หลังจากที่ทางเพจ Miss Grand Thailand ได้โพสต์ว่านางงามสาว ชาล็อต ออสติน ถูกมิจฉาชีพหลอกเงินกว่า 4 ล้านบาทรวมถึงบังคับให้วิดีโอคอลตลอด 24 ชั่วโมงนั้น ล่าสุด ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ได้พา ชาล็อต ออสติน แถลงข่าว
แฟนนางงามส่งกำลังใจให้ 'ชาล็อต' หลังมิจฉาชีพหลอกเงินกว่า 4 ล้าน!
ทำเอาแฟๆนเป็นห่วงไม่น้อย เมื่อทางเพจ Miss Grand Thailand ได้โพสต์ว่านางงามสาว ชาล็อต ออสติน ถูกมิจฉาชีพหลอกเงินกว่า 4 ล้านบาทรวมถึงบังคับให้วิดีโอคอลตลอด 24 ชั่วโมง
รัฐบาลเร่งพัฒนาแพลตฟอร์ม สกัดมิจฉาชีพโทร-ส่งข้อความหลอกลวง คาดพร้อมใช้ต้นปี 68
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน
คุก! ศาลไม่ให้ประกัน 'เมียตั้ม ษิทรา' หวั่นหลบหนี
ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองปราบปรามนำตัวนายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 ข้อหา ฉ้
เผยแจ้งความออนไลน์ 1 มี.ค 65 - 31 ต.ค. 67 เฉลี่ยเสียหายวันละ 7.7 ล้านบาท
'รองโฆษกรัฐบาล' เผยสถิติแจ้งความออนไลน์ ตั้งแต่ 1 มี.ค 65 – 31 ต.ค.67 มูลค่าความเสียหายรวม 7.48 หมื่นล้านบาท เฉลี่ย 77 ล้านบาทต่อวัน
'ทนายตั้ม' โผล่ฉายหนังคนละม้วน อ้างปมเงิน 39 ล้านค่าศิลปินจีน เป็นมิจฉาชีพหลอก 'เจ๊อ้อย'
ที่กองบังคับการปราบปราม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" เข้าพบพนักงานสอบสวน ที่ถูกน.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ เ