‘หมออ๋อง’ ลั่นถึงเวลาแก้ไขปัญหา สิทธิขั้นพื้นฐานกลุ่มชาติพันธุ์จริงจังเสียที

19 พ.ย.2566-นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก พรรคเป็นธรรม และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 โพสต์เฟซบุ๊ก Padipat Suntiphada – ปดิพัทธ์ สันติภาดา เรื่อง “ถึงเวลาแก้ไขปัญหาเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐานของพี่น้องชาติพันธุ์อย่างจริงจังเสียที” ระบุว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังเสร็จภารกิจจากจังหวัดเชียงราย ผมและทีมงานได้เดินทางมายังอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรับฟังปัญหาของพี่น้องชาติพันธุ์ลาหู่ ดาราอั้ง และจีนยูนาน ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้รับชมการแสดงรำจากพี่น้องดาราอั้งเพื่อเป็นการต้อนรับ ก่อนพูดคุยและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนชาวชาติพันธุ์ การได้มาซึ่งสัญชาติไทยยังคงเป็นปัญหาสำหรับพี่น้องชาติพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนดอยและที่ราบสูง แม้ว่าพวกเขาจะอยู่เป็นแรงงานในไทยมาแล้วกว่า 50 ปี แต่การได้มาซึ่งสัญชาตินั้นกลับไร้วี่แวว เด็กหลายคนไม่สามารถเข้าถึงระบบการศึกษา และอีกมากมายไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้

การไปรับฟังปัญหาในพื้นที่ห่างไกลไม่ว่าจะจังหวัดไหน เราเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่พูดถึงเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐานของการเข้าถึงสาธารณูปโภค – น้ำประปาและไฟฟ้ายังคงเป็นปัญหามากสำหรับพี่น้องบนดอยสูง ที่มากไปกว่านั้นคือถนนที่ถูกตัดขาดเกือบทุกครั้งเมื่อเข้าฤดูฝน เอกสิทธิ์ที่ดินแม้ว่าจะอยู่มาเนินนานหลายรุ่นก็ยังไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่ที่เป็นพื้นที่อุทยาน กรมป่าไม้และพื้นที่ที่รัฐเป็นเจ้าของ ครึ่งต่อครี่งนั้น ทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้ประโยชน์และสร้างรายได้จากพื้นที่อยู่อาศัยได้เลย

“ผมได้รับเรื่องจากพี่น้องดาราอั้งว่าพวกเขาเกิดความคิดริเริ่มจากการดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิและสัญชาติ นั้นก็คือการขอโครงการเพื่อตั้งชุมชนชาติพันธุ์ดาราอั้งผ่านไปยังรัฐบาลขึ้นมาในประเทศไทยเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่เรื่องก็ถูกเก็บเงียบไปไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ผมจึงเสนอส่งเรื่องนี้ไปยังคณะกรรมาธิการการปกครองเพื่อเร่งดำเนินการติดตามเรื่องนี้ ส่วนเรื่องปัญหาที่ดินทับซ้อนป่าทับคน คนทับป่านั้น รัฐต้องเร่งพิสูจน์สิทธิในที่ดินของประชาชน เพื่อจัดสรรให้แก่พี่น้องในพื้นที่ได้ทำมาหากินและสร้างรายได้ และที่สำคัญอย่างยิ่งคือต้องเร่งทบทวนการใช้ประโยชน์ในที่ดินของหน่วยงานรัฐเพื่อแก้ไขพรบ.ป่าไม้ อุทยาน ฯลฯ และควบคุมการขยายพื้นที่เพื่อผลประโยชน์ของรัฐ”

นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า แม้ว่าร่างพรบ. สภาชนเผ่า และร่างพรบ. คุ้มครองชาติพันธุ์จะถูกบรรจุไปในวาระของสภาชุดนี้แล้ว แต่ผมไม่อยากให้ประชาชนนิ่งนอนใจครับ เพราะพวกเราเกิดการพูดคุยเรื่องนี้กันมานานพอสมควรแล้ว ถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องเปิดรับความหลากหลายอย่างจริงจังเสียที พวกเขาไม่ใช่บุคคลชั้นสองอีกต่อไป พวกเขาก็เป็นหนึ่งในแรงงานเหมือนกับพวกเรา ใช้ชีวิตมานานเท่ากับเรา แล้วเหตุใดรัฐถึงเลือกที่จะทอดทิ้งและหันหลังให้พวกเขามาตลอด

“ผมมั่นใจว่าปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้มีหลายอย่างที่แก้ไขได้เลยหากเกิดการกระจายอำนาจ และผมเชื่อว่าเรื่องราวทั้งหมดที่ผมได้พูดคุยกับพี่น้องในวันนี้จะได้รับการแก้ไขจากสภาชุดนี้อย่างแน่นอนครับ”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เครือข่ายชาวเลอันดามัน ยื่น 3 ข้อ ขอรัฐบาลแก้ไขปัญหา ฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล

เครือข่ายชาวเลอันดามัน นำโดย นายวิทวัส เทพสง ผู้ประสานงานฯ พร้อมตัวแทน 10 คน ยื่นหนังสือถึงนายกฯ

เปิด 6 สาระสำคัญ ร่างกฎหมายคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์

คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. ... สภาผู้แทนราษฎร นำโดย น.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ.วิสามัญฯ แถลงผลการประชุมว่า ร่าง พ.ร.บ.นี้ เป็นร่างกฎหมายที่ยกร่างขึ้นมาใหม่ทั้งฉบับเป็นครั้งแรก

'หมออ๋อง' เผยบทบาทใหม่ หลังพาผู้สมัคร สส.พรรคส้ม สอบตกเขต 1 พิษณุโลก

นายปดิพัทธ์ สันติภาดา หรือ "หมออ๋อง" อดีตรองประธานสภา อดีตสส.พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า หมออ๋องจะทำอะไรต่อไป

หาเสียงให้สนุก ‘พิธา’ เมินแพ้ซํ้า

เลือกตั้งซ่อม สส.เขต 1 พิษณุโลกคึกคัก พรรคประชาชนขนแกนนำช่วย "โฟล์ค" หาเสียงดาวกระจาย "เท้ง" ยันการเลือกตั้งท้องถิ่นกับเลือกตั้งระดับประเทศไม่เหมือนกัน