30 ต.ค. 2566 – ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งซูเปอร์โพลและศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยจอร์ชทาวน์ วอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกาด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ เปิดเผยว่า ในฐานะผู้แทนภาคประชาชนในกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ที่เป็นอีกบทบาทหนึ่งเกี่ยวข้องกับนโยบายตำรวจแห่งชาติดูแลความปลอดภัยของประชาชนที่ศึกษาข้อมูลสำรวจความเห็นของประชาชนต่อนโยบายรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจะแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท พบว่า มีความจำเป็นที่รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนในการยอมรับนโยบายแจกเงินดิจิทัลนี้ไปใช้อย่างปลอดภัยและเต็มเม็ดเต็มหน่วยเกิดประโยชน์สูงสุดอย่างยั่งยืน
สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล จึงได้ทำการศึกษา เงินดิจิทัลในความปลอดภัยของประชาชนบนโลกไซเบอร์ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวนตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติทั้งสิ้น จำนวนทั้งสิ้น 2,123 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 20 – 28 ตุลาคม พ.ศ.2566 ที่ผ่านมา โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนจากขนาดตัวอย่างบวกลบร้อยละ 5 ในช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95
เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจครอบคลุมทั่วประเทศจากนโยบายแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พบว่า ระดับความเชื่อมั่นของประชาชนสูงถึงร้อยละ 71.0 ไม่เชื่อมั่นร้อยละ 29.0 แต่เมื่อสอบถามถึงการสนับสนุนให้รัฐบาลลงทุนระหว่างความมั่นคงของชาติ กับ การแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาล พบว่า ใกล้เคียงกันในสามกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถาม คือ ร้อยละ 35.5 สนับสนุนการลงทุนด้านความมั่นคงของชาติ ร้อยละ 31.2 สนับสนุนด้านการแจกเงินดิจิทัล และร้อยละ 33.3 ไม่มีความเห็น
เมื่อสอบถามถึงประสบการณ์เคยถูกคุกคามไม่ปลอดภัยทางออนไลน์ พบประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 55.9 เคยเจอภัยคุกคามทางออนไลน์ค่อนข้างมาก ร้อยละ 35.2 ระบุปานกลาง และร้อยละ 8.9 ระบุค่อนข้างน้อยถึงไม่เคยเลย อย่างไรก็ตาม ประมาณครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 50.6 หวาดกลัวค่อนข้างมากถึงมากที่สุดต่ออาชญกรรมทางออนไลน์ ร้อยละ 35.3 ปานกลาง และร้อยละ 14.1 ค่อนข้างน้อยถึงไม่เลย
ผศ.ดร.นพดล กล่าวว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า ประชาชนมีความเชื่อมั่นว่าการแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาลจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจครอบคลุมทั่วประเทศ เพราะมีค่าความเชื่อมั่นสูงเกินกว่า 70 ขึ้นไป แต่ในบริบทของความไม่ปลอดภัยทางไซเบอร์ที่กำลังคุกคามต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมากในขณะนี้ จึงจำเป็นต้องออกแบบวางระบบด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างรอบด้านทุกมิติของนโยบายสำคัญของรัฐบาลนี้
“การใช้ระบบเทคโนโลยีแจกเงินดิจิทัลที่รัฐบาลเคยประกาศไว้ว่าจะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจที่จะใช้เทคโนโลยีนี้ โดยมีข้อดีอย่างน้อย 3 มิติคือ ความปลอดภัย ความโปร่งใส และความคุ้มค่าเชิงเศรษฐกิจและสังคม เพราะเทคโนโลยีบล็อกเชนมีการลงรหัสแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่ยากต่อการโจรกรรมและมีความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาลเห็นหมดใครทำอะไรในระบบนั้นและจะก่อให้เกิดความคุ้มค่าเชิงเศรษฐกิจและสังคมตรงที่การต่อยอดกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นและข้อมูลภายในระบบเทคโนโลยีแจกเงินดิจิทัลที่ได้จะนำมาออกแบบวางแผนสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ การเกาะติดพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอย ข้อมูลด้านวินัยการเงินของประชาชน ที่จะให้ความแม่นยำแบบกึ่งใกล้เรียลไทม์และสามารถพยากรณ์วางแผนทางเศรษฐกิจให้กับรัฐบาลได้มีประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์สูง” ผู้ก่อตั้งซูเปอร์โพล ระบุ
อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ ความไม่ปลอดภัยนอกระบบบล็อกเชน เพราะประชาชนทำธุระกรรมอื่น ๆ นอกระบบเทคโนโลยีเงินดิจิทัลจำนวนมากเป็นธุระกรรมอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในระบบบล็อกเชนและข้อมูลส่วนตัวของประชาชนอยู่ในมือถือของประชาชนที่ง่ายต่อการถูกโจรกรรมทั้งข้อมูลส่วนตัว เลขบัตรประชาชน เลขที่บัญชีธนาคาร และข้อมูลละเอียดอ่อนอื่น ๆ ของประชาชน ดังนั้นทางออกมีอยู่อย่างน้อย 3 แนวทางได้แก่
1.รัฐบาลควรโอนความเสี่ยงอันตรายทางไซเบอร์ที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนไปอยู่กับหน่วยงานของรัฐ สถาบันการเงินการธนาคาร และภาคเอกชน ผู้ประกอบการต่าง ๆ เพราะมีศักยภาพด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์มากกว่าประชาชนชาวบ้านทั่วไปผ่านช่องทางการเข้าถึงการแจกเงินดิจิทัลที่หลากหลาย เช่น ใช้บัตรประชาชนใบเดียวพร้อมมีรหัสประจำบัตร ใช้สมาร์ทโฟนและใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีอื่น ๆ โดยแนวทางนี้จะช่วยลดอันตรายทางไซเบอร์จากพวกมิจฉาชีพออนไลน์ ช่วยลดภาระของชาวบ้านที่ต้องหาเงินซื้อสมาร์ทโฟน แต่แนวทางนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับชาวบ้านผู้มีรายได้น้อยผู้อยู่ในพื้นที่ห่างไกลเทคโนโลยีตามแนวชายแดนจำนวนกว่า 6 ล้านคนให้สามารถเข้าถึงการแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาลและได้รับประโยชน์จากนโยบายแจกเงินดิจิทัลนี้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยและยั่งยืน
2.รัฐบาลควรจัดตั้งหน่วยงานกลางของรัฐบริการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบทางไกลให้ประชาชนที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายราคาถูกหรือบริการฟรีแต่ปลอดภัยให้กับประชาชนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนต่าง ๆ
3.รัฐบาลควรใช้งบประมาณส่วนหนึ่งด้านการศึกษาและการสื่อสารความปลอดภัยทางไซเบอร์ในการเสริมสร้างความรู้เท่าทัน ความตระหนักถึงความไม่ปลอดภัยในโลกไซเบอร์ เพราะวันนี้ประชาชนชาวบ้านมีความกังวลและหวาดกลัวต่ออันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับร่างกายและทรัพย์สินของประชาชน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รองเลขาฯเพื่อไทย ฟาดกลับ 'ไอซ์ รักชนก' แซะแจกเงินหมื่นช่วงเลือกตั้งนายก อบจ.
น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่าน X ว่า ใจเย็นๆ นิดนะคะ รัฐบาลตั้งใจส่งเงินหมื่นกระตุ้นเศรษฐกิจ ถึงมือกลุ่มเป้าหมายให้เร็วที่สุด
นายกฯ สั่งเกาะติด 7จังหวัดภาคใต้ที่เจอฝนถล่มหนัก
นายกฯ กำชับทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์พื้นที่เสี่ยงจากฝนตกหนักในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้
นายกฯ อิ๊งค์ฝากติดตามแถลง 12 ธ.ค.ผลงานรัฐบาล 90 วัน
นายกฯอิ๊งค์ ลั่นรัฐบาล มุ่งสร้างโอกาสจับต้องได้ให้ประชาชน ปากท้องอิ่ม ดึงศักยภาพคนไทย ลั่นปรับสมดุลการค้าสหรัฐ-จีน ย้ำ รบ.อยู่ครบเทอม ฝากติดตามแถลงผลงานรัฐบาล 12 ธ.ค.นี้
เปิดโปรแกรมทัวร์ 'ครม.สัญจรอิ๊งค์' นัดแรกที่เมืองเหนือ
เปิดโปรแกรม 'ครม.สัญจรอิ๊งค์' นัดแรก จัดที่แม่ริม เชียงใหม่ 29 พ.ย. ก่อนถก 'คลังสัญจร' เชียงราย ฟื้นฟูพื้นที่เศรษฐกิจ พร้อมพบประชาชน
'นิพนธ์' ซัดรัฐบาลแจกเงินหมื่น เฟส 2 หวังผลการเมือง ไม่ใช่กระตุ้นเศรษฐกิจ
นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย-อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และอดีตนายก อบจ. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ เฟส 2 ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีการแจกเงินสด 10,000 บาท ให้แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่ลงทะเบียนในระบบและยืนยันตัวตนแล้ว รวมกว่า 4 ล้านคน
ป้า 67 ป่วยหลายโรค หาบเร่ขายของเลี้ยงชีพ หวังได้เงินหมื่น เฟส 2 หวั่นตกหล่น บัตรคนจนก็ไม่มี
บุรีรัมย์ ป้า 67 ป่วยความดัน มีก้อนเนื้อที่คอ แต่ต้องหาบเร่ขายของเลี้ยงชีพและลูกพิการ หวังได้เงินหมื่น เฟสสอง มาแบ่งเบา