นายกฯ เปิดโครงการ "ศิริราชต้นแบบโรงพยาบาลอัจฉริยะระดับโลก" แห่งแรกของไทย ดึงเทคโนโลยีเครือข่าย5G-ระบบปัญญาประดิษฐ์ประยุกต์ใช้เพิ่มประสิทธิภาพทางการแพทย์ เตรียมขยายต่อทั่วประเทศ ระบุรับใส่เกล้าพระราโชบายในหลวง ทำให้ปชช.มีความสุขมากที่สุด
16 ธ.ค.2564 - เมื่อเวลา 09.20 น. ที่ห้องประชุมราชปนัดดาสิรินธร อาคารศรีสวรินทิรา โรงพยาบาลศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงานโครงการ “ต้นแบบโรงพยาบาลอัจฉริยะระดับโลกด้วยเทคโนโลยีเครือข่าย 5G และระบบปัญญาประดิษฐ์” โดยมี นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล ดร.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมงาน
โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าเทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญมากในการพัฒนาประสิทธิภาพทุกมิติ รวมถึงด้านสุขภาพและทางการแพทย์ รัฐบาลจึงเล็งเห็นความจำเป็นในการนำมาพัฒนาประเทศ จึงมีนโยบายนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐ และตอบสนองความต้องการประชาชนได้ทั่วถึง โดยการนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ทุกมิติ จึงได้กำหนดเป็นยุทธศาสตร์ ซึ่งตั้งแต่ตนเองเข้ามาก็เดินหน้ามาตลอดตั้งแต่ 3G 4G จนมาถึง 5G ต้องเดินหน้าทุกอย่างให้เร็วทันการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งนี้ได้เน้นคุณภาพบริการและรักษาพยาบาลตั้งแต่ระบบปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิ เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงระบบบริการรักษาพยาบาลอย่างเพียงพอทั่วถึง สร้างความเท่าเทียมในด้านโอกาสและเป็นธรรม โดยขยายการดำเนินการไปสู่โรงพยาบาลอื่นๆ ต่อไปด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้จึงเป็นนิมิตหมายอันดีที่เป็นจุดเริ่มต้นในการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ทางการแพทย์ โอกาสนี้ขอขอบคุณมิตรภาพไทย-จีน ที่ร่วมมือกันมาตลอด สิ่งสำคัญถ้าตั้งเป้าหมายจะดูแลประชาชนอย่างไรเราก็จะคิดออกว่าจะพัฒนาไปอย่างไร ทำอย่างไรให้ประชาชนมีความสุข ปลอดภัย และสุขภาพแข็งแรง ทั้งหมดเป็นไปตามพระราโชบายของในหลวง ที่ทรงรับสั่งว่าทำอะไรทำให้ดีที่สุดและให้ประชาชนมีความสุขมากที่สุด เป็นสิ่งที่ตนรับใส่เกล้าตลอดมา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้โรงพยาบาลศิริราช ถือเป็นโรงพยาบาลนำร่อง 5G แล้วต้องขยายไปโรงพยาบาลอื่นๆด้วย เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมมิติใหม่ๆให้กับวงการสาธารณสุขของไทยและทำให้ชีวิตของประชาชนดีขึ้น ขณะที่เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ตนได้อยู่ท่ามกลางประชาชนต่างจังหวัด ซึ่งมีความเป็นห่วงประชาชนหลายกลุ่ม วันนี้อย่าลืมว่าเรามีคนอยู่ในทุกช่วงวัยและกำลังเดินหน้าไปสู่สังคมผู้สูงอายุ สิ่งที่ทำวันนี้ก็ทำให้กับทุกคนทุกช่วงวัย โดยเฉพาะการให้บริการประชาชน แต่ทำอย่างไรให้คนของเราเรียนรู้ระบบป้องกันมากกว่ารอการรักษาอย่างเดียว เพื่อให้ทุกคนรู้จักการระมัดระวังสุขภาพ ทั้งการออกกำลังกายและการบริโภคอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทรัพยากรมนุษย์ของเราเข้มแข็ง เพื่ออนาคตต่อไป ซึ่งการทำอะไรเพื่ออนาคตไม่ใช่เรื่องง่าย จึงต้องมียุทธศาสตร์ระยะยาวและแผนแม่บทในการดำเนินการ
นายกฯ กล่าวในช่วงท้ายด้วยว่า ขอบคุณทุกคนช่วยกันขับเคลื่อนด้วยความร่วมมือ ร่วมใจ พัฒนาต่อยอดไปสู่ต้นแบบการเป็นโรงพยาบาลอัจฉริยะและเพื่อขยายไปยังโรงพยาบาลอื่นๆ ทั่วประเทศ ขอให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อประชาชนและประเทศชาติต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการดำเนินการครั้งนี้ศิริราชเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกของไทย ในการพัฒนาโครงการต้นแบบการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G อย่างไรก็ตาม นิทรรศการ "ศิริราชต้นแบบโรงพยาบาลอัจฉริยะระดับโลกด้วยเทคโนโลยีเครือข่าย 5G" เปิดให้ประชาชนเข้าชมจนถึงวันที่ 17 ธ.ค. 2564 เวลา 12.00 น. ณ บริเวณหน้าห้องประชุมราชปนัดดาสิรินธร โรงพยาบาลศิริราช
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'มาดามโพย' เผย 'โต้ง' ตกเก้าอี้ ว่าไปตามกระบวนการ
ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความทางกฎหมายเรื่องคุณสมบั
ฟุ้งปีใหม่โอกาสดีทุกคน มั่นใจ‘แม้ว-หนู’ไร้ปัญหา
นายกฯ อิ๊งค์อวยพรปีใหม่ ให้ทุกคนมีจิตใจเบิกบานยันปี 68
สภาสูง ยั๊วะ รัฐบาล ข้ามหัว เทตอบ 5 กระทู้ ‘ยุคล’ ตั้งฉายา ‘นายกฯนินจา’ หนีสภา
‘สภาสูง’ ยั๊วะ รบ.ข้ามหัว เทตอบ 5กระทู้ ‘ยุคล’ ตั้งฉายา ‘นายกฯ นินจา’ หนีสภา ‘หมอเปรม’ อาลัย ‘แพทองโพย’ ไร้รับผิดชอบ แขวะใส่ชุดนอนตรวจทหาร หิ้วผัวใต้ออกงาน
'อิ๊งค์' ยิ้มร่ารับฉายา 'รัฐบาลพ่อเลี้ยง' แซวตัวเอง 'แพทองแพด' แฮปปี้ไม่เกลียดใคร
'นายกฯอิ๊งค์' ยิ้มแย้ม ไม่โกรธฉายา 'รัฐบาลพ่อเลี้ยง' ขอมองมุมดี พ่อมีประสบการณ์เพียบช่วยหนุน หยอกสื่อกลับ 'แพทองแพด' ไม่ใช่แพทองโพย บอกไม่ค่อยเกลียดใครมันเหนื่อย แฮปปี้เข้าไว้
‘แม้ว’ ไล่ทุบ- ‘ภูมิใจไทย’ ไม่หมู ‘แดง-น้ำเงิน’ ทนอยู่แบบตบจูบ
นาทีนี้ศึกฝ่ายค้าน-รัฐบาลยังไม่เดือดเท่ากับศึกรัฐบาลด้วยกันเอง แรงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการขบเหลี่ยมของพรรคอันดับ 1 และพรรคอันดับ 2