เขื่อนเจ้าพระยาเร่งระบายน้ำ 'สทนช.' ประกาศเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง 3-7 ต.ค.นี้

เขื่อนเจ้าพระยา กลับมาเพิ่มระบายน้ำขึ้นอีก ด้าน สทนช.ประกาศเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง 3-7 ต.ค.นี้ คาดจะมีน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 1,200-1,400 ลบ.ม./วินาที น้ำท้ายเขื่อนจะสูงขึ้น 1.50 เมตร

1 ต.ค.66 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝนที่ตกหนักในพื้นที่ตอนบนบริเวณแม่น้ำปิงและแม่น้ำน่าน ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา กลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง โดยวันนี้ เมื่อเวลา 08.00 น. ปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำ C.2 จ.นครสวรรค์ มีปริมาณ 1,290 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 235 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที น้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท มีปริมาณ 1,244 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 106 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที น้ำระบายท้ายเขื่อน 917 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 113 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อน ที่ อ.สรรพยา สูงขึ้นจากเมื่อวาน 49 เซนติเมตร อยู่ที่ระดับ 10.61 เมตร(รทก) ต่ำกว่าตลิ่ง 5.73 เมตร

ด้าน สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศฉบับที่ 1/2566 ให้เฝ้าระวังน้ำหลากดินถล่มและน้ำล้นตลิ่ง เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าในวันที่ 3-6 ตุลาคม 2566 จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ โดย สทนช. ได้วิเคราะห์คาดการณ์จะมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ล้นตลิ่งบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมลำน้ำ โดยในช่วงวันที่ 3-7 ตุลาคม 2566 ให้เฝ้าระวังพื้นเสี่ยงหลายจังหวัดทางภาคเหนือ ระวังน้ำหลากดินถล่ม และเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่งบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำวัง แม่น้ำยม และแม่น้ำเจ้าพระยา

สำหรับแม่น้ำเจ้าพระยา คาดการณ์จะมีน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำ ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เพิ่มมากขึ้น อยู่ในเกณฑ์ 1,200-1,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เพิ่มสูงขึ้นจากเดิมประมาณ 1 เมตร ถึง 1.50 เมตร บริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสารสำรอง เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือทันที และวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยปรับแผนการระบายน้ำของอ่างเก็บน้ำ เขื่อนระบายน้ำ และระบบชลประทาน เพื่อเป็นการหน่วงน้ำที่ไหลมาสมทบแม่น้ำสายหลักให้ได้มากที่สุดตามศักยภาพในแต่ละช่วงเวลา รวมทั้งจัดการจราจรทางน้ำ เพื่อลดผลกระทบจากมวลน้ำที่จะไหลหลากมายังบริเวณแม่น้ำยมและแม่น้ำเจ้าพระยา และประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการขนของขึ้นที่สูง หรืออพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สทนช. มันสมองของการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชาติ

ก้าวย่างเข้าสู่ปีที่ 8 ในปี 2568 ของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ที่เน้นการทำงานในเชิงรุก โดยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการเป็นระบบลุ่มน้ำ

ไร้ปาฏิหาริย์! พบร่างน้องแมน นักศึกษาปี 4 กระโดดสะพานแม่น้ำน่าน จมหาย 4 วัน

จากเหตุการณ์นักศึกษาปี 4 มหาวิทยาลัยนเรศวร กระโดดสะพานนเรศวรอำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลกลงสู่แม่น้ำน่าน เมื่อเวลา 04.00 น ของวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่กู้ภัย ทั้งกู้ภัยข่าวภาค

'ฮีโร่สาว' เข้าช่วยหญิงจะกระโดดแม่น้ำเจ้าพระยาสำเร็จ

เมื่อเวลา 21.20 น.วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่มกุศลสมุทรปราการ สมาคมกู้ภัยสมุทรปราการ พร้อมด้วยหน่วยกู้ชีพ

ขีดเส้นตายประกาศผังน้ำ22ลุ่มน้ำภายในปีนี้ สทนช.สั่งเร่งเครื่องเต็มสูบคลอดแล้ว5 ลุ่มน้ำ

เตรียมเสนอกนช. ประกาศผังน้ำเพิ่มอีก 3 ลุ่มน้ำ หลังจากผังน้ำ “ลุ่มน้ำชี-ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่าง” ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว สทนช.

ร้องผู้ตรวจการฯ สอบ สทนช. ละเว้นปฏิบัติหน้าที่-ข้อมูลไม่ครบ แต่เดินหน้าจัดเวทีสร้างเขื่อนสานะคาม

ยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินสอบ สทนช. ละเว้นปฎิบัติหน้าที่-ข้อมูลไม่ครบแต่เดินหน้าจัดเวทีโครงการสร้างเขื่อนสานะคาม