โชว์ผลงานอัยการปราบทุจริตฯภาค 9 ยื่นฟ้องจนศาลสั่งจำคุก 90 ปี คดีจนท.ทุจริต


29 ส.ค.2566 - นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่าได้รับรายงานนายชัยวัฒน์ สุวรรณยอด อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 9 เจ้าของสำนวนคดี ว่าเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมาศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบภาค9 จังหวัดสงขลา อ่านคำพิพากษา พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 9

ยื่นฟ้องนางจิรนันท์ แก้วคำหรือนางเมษยา ชูสงค์ หรือนางเมธาวี คีตะเมธา ชูสงค์ เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี 4 สำนักงานบังคับคดีจังหวัดปัตตานี กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เป็นเจ้าพนักงาน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีอำนาจหน้าที่ในการเบิกจ่ายเงิน ทำบัญชีแสดงรายรับรายจ่าย คิดยอดหนี้คิด ค่าธรรมเนียม ถอนการยึด เบิกจ่ายเงินในคดี เงินนอกงบประมาณ รับเงิน ออกใบเสร็จ เบิกจ่ายเงิน งบประมาณและสั่งจ่ายเช็คของผู้เสียหาย ตามระเบียบและตามข้อกำหนดที่ผู้เสียหายทำไว้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาปัตตานี

โดยมีนายมโหสถ รามรังสฤษฎ์ ผู้อำนวยการเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจลงรายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คของผู้เสียหายร่วมกับจำเลย และจำเลยมีหน้าที่ครอบครองดูเเลรักษา เช็คและเงินงบประมาณตามเช็คของผู้เสียหายตามกฎหมาย ระเบียบ และคำสั่งของทางราชการ เมื่อระหว่างวันที่ 18 มี.ค.47-27 เม.ย.49 จำเลยกระทำความผิดทุจริต ต่อหน้าที่ทางราชการ โดยทุจริตเบิกจ่ายเงินของผู้เสียหาย ด้วยวิธีการออกเช็คของผู้เสียหาย ปลอมลายมือชื่อนายมโหสถและร่วมลงลายมือชื่อของจำเลยในเช็คธนาคารดังกล่าวของผู้เสียหาย

จากนั้นจำเลยนำเช็คไปเบิกถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝาก หลายกรรมต่างกัน (รวม18กรรม)จำเลยเบียดบังเอาเงิน เป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต ไม่นำส่งคืนให้แก่ผู้หน้าที่ รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 2,805,391 บาท เหตุเกิดที่ตำบลรูสะมิแล และตำบลอาเนาะรู อำเภอเมืองปัตตานี ต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93,147 ให้จำเลยคืนเงิน 2,805,391 บาท เเทน จำเลยให้การปฏิเสธ

พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยดำรงตำแหน่ง เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี 4สำนักงานบังคับคดีจังหวัดปัตตานี กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ผู้เสียหาย อันเป็นเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีอำนาจหน้าที่ในการเบิกจ่ายเงินและสั่งจ่ายเช็ค ของผู้เสียหาย ตามระเบียบและข้อกำหนดที่ผู้เสียหายได้ทำไว้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) พยานหลักฐานของโจทก์ที่ไต่สวนมารับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือ เป็นของผู้อื่นโดยทุจริตหรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย การกระทำของจำเลยจึงเป็น ความผิดตามฟ้อง ส่วนที่โจทก์ขอให้จำเลยคืนเงิน 2,805,391 บาท แก่ผู้เสียหายนั้น ข้อเท็จจริง ได้ความตามทางไต่สวนจากคำเบิกความของนายมโหสถและรายละเอียดการคำนวณค่าสินไหมทดแทน ท้ายคำร้องขอส่งเอกสารเพิ่มเติมของโจทก์ว่า ได้มีการชำระหนี้ให้แก่ ผู้เสียหายแล้วเป็นเงิน 561,078บาท เมื่อนำมาหักออกจากเงินจำนวนดังกล่าวแล้วจึงคงเหลือ 2,244,313บาท

พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 (เดิม) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91จำคุกกระทงละ 5ปี รวม 18กระทง เป็นจำคุก 90ปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุก 50ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) ให้จำเลยคืนเงิน 2,244,313 บาท แก่สำนักงานบังคับคดีจังหวัดปัตตานี กรมบังคับคดีกระทรวงยุติธรรมผู้เสียหาย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ผู้พิพากษา-อัยการ-บิ๊กสีกากี' แห่สมัคร! ชิง 3 เก้าอี้ ป.ป.ช.

ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในฐานะหน่วยธุรการ เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

ศาลรธน. ถามอัยการสูงสุด ปมคำร้องทักษิณครอบงำเพื่อไทย ขีดเส้นตอบกลับใน 15 วัน

ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาในคดีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 กล่าวอ้างว่ นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 2 ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพ

'เหยื่อเมาแล้วขับ' นั่งวีลแชร์ ร้อง อสส. สั่งคดีฟ้องศาลลงโทษสถานหนัก

'เหยื่อเมาแล้วขับ' นั่งวีลแชร์ ร้องอัยการสูงสุด สั่งคดีเมาแล้วขับทั่วประเทศ ฟ้องศาลลงโทษสถานหนัก พบช่องโหว่กฎหมาย ตำรวจนอกรีตตบทรัพย์ขี้เมา

'อัยการ' เตือนแก๊งแมวน้ำ ขโมยของผู้ประสบอุทกภัย โทษหนักติดคุกถึง 10 ปี

'โกศลวัฒน์’ อธ.อัยการ เตือนเเก๊งเเมวน้ำลักทรัพย์ตอนเกิดน้ำท่วม ซ้ำเติมชาวบ้านอัตราโทษหนักกว่าเดิมมาก เผย สคช. เตรียมเเผนช่วยชาวบ้านหลังน้ำลด