‘อำนวย’ ยก พรบ.ตำรวจแห่งชาติ กำแพงเหล็กป้องกันการเมืองแทรกแซง ตร.

27 ส.ค.2566-พล.ต.ท.อำนวย  นิ่มมะโน  ผู้สมัคร ก.พ.ค.ตร. โพสต์เฟซบุ๊ก “พลตำรวจโท อำนวย นิ่มมะโน” หัวข้อ “พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ…. เป็นรั้วทองแดง กำแพงเหล็กป้องกันการแทรกแซงของฝ่ายการเมือง ได้จริงหรือไม่?? ”  เนื้อหาระบุ

“มีนายกรัฐมนตรีใหม่แล้ว นายกฯประยุทธ อย่าเพิ่งแต่งตั้ง ผบ.ตร.รอให้ นายกฯคนใหม่ รัฐบาลใหม่มาแต่งตั้งเอง”  เป็นเสียงคำรามจากฝ่ายการเมืองด้วยกัน …..ด้วยเกรงว่ารัฐบาลรักษาการจะแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเสียก่อน พูดกันอย่างตรงไปตรงมาเป็นการแย่งกันแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ซึ่งก็คือการแทรกแซงองค์กรตำรวจโดยตรงนั่นเอง     แล้วจะมากล่าวหาองค์กรตำรวจว่า เป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมือง รับใช้นักการเมือง  อะไรต่อมิอะไรกันได้อย่างไร?  ภาพที่ปรากฏตำรวจในหลายๆ จังหวัดจะต้องมีสเปคพิเศษ ผู้การบางจังหวัด เช่น บุรีรัมย์อาจจะต้องจบเน… ผู้การจังหวัดสุพรรณบุรีอาจจะต้องจบด้านศิลปะ….. ผู้การจังหวัดชลบุรี.. เชียงใหม่.. สุราษฎร์ธานี…. ภาพของการถือพวงมาลัยไปเข้าแถวรอขอบคุณนักการเมืองใหญ่ที่ให้การสนับสนุนในการแต่งตั้งเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง จึงปรากฎให้เห็นกันอย่างจำเจ 

ในการปฏิรูปตำรวจประเด็นสำคัญยิ่งประเด็นหนึ่งก็คือ จะต้องทำให้ข้าราชการตำรวจมีความเป็นอิสระปราศจากการแทรกแซงจากอำนาจภายนอกโดยเฉพาะการเมือง….เพราะหน้าที่หลักของตำรวจ   “ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม อำนวยความยุติธรรมในทางอาญาในอันที่จะบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน”   งานด้านป้องกันปราบปรามอาชญากรรมยังพอรับได้ที่จะให้ฝ่ายบริหารเข้ามามีส่วนร่วมกำหนดนโยบาย  แต่มิใช่มีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายให้คุณให้โทษสร้างตำรวจไว้เป็นเครื่องมือของตนเอง     ส่วนงานด้านอำนวยความยุติธรรมในทางอาญาจำเป็นต้องให้มีความเป็นอิสระอย่างแท้จริง ทำนองเดียวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมีหน้าที่เพียงไปวางศิลาฤกษ์ เปิดที่ทำการศาลใหม่แต่ไม่มีอำนาจเข้าไปข้องเกี่ยวกับอรรถคดี……..

ความพยายามในการไม่ให้การเมืองเข้ามาแทรกแซงองค์กรตำรวจ ด้วยการบัญญัติในพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ…. ไม่ให้นายกรัฐมนตรีมานั่งเป็นประธาน ก.ตร. ซึ่งกระผมเองเป็นกรรมการร่วมยกร่างอยู่ด้วยนั้น แม้จะไม่สามารถบรรลุตามที่ใฝ่ฝันได้  ด้วยมีข้อจำกัดหลายประการ…. แต่กรรมการยกร่างก็ได้สร้างกลไกที่จะมาถ่วงดุลอำนาจในการแต่งตั้ง และโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ซึ่งอยู่ในอำนาจของ ก.ตร. อันมีนายกรัฐมนตรีมานั่งเป็นประธานอย่างถาวรตั้งแต่พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 เป็นต้นมา ด้วยการสร้างคณะกรรมการอิสระขึ้นมา 2 คณะ คือ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. และ คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ หรือ  ก.ร.ตร.  โดย ก.พ.ค.ตร.  มีหน้าที่และอำนาจสร้างความเป็นธรรมในการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจให้เป็นไปตามระบบคุณธรรมอย่างแท้จริง เริ่มตั้งแต่ กฎ ก.ตร. กติกา หลักเกณฑ์การแต่งตั้งไปจนถึงความเป็นธรรมในการแต่งตั้ง พิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์  เรื่องอุทธรณ์กรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมทั้งเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย และการพิจารณาทัณฑ์ทางวินัยซึ่งถือว่าเป็นการถ่วงดุล ก.ตร. โดยมีนายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธานอยู่โดยตรง  

คณะกรรมการคณะนี้เป็นคณะกรรมการอิสระอย่างแท้จริง เพราะมีที่มาโดยการสรรหาจากบุคคลภายนอก จากหลากหลายสาขาอาชีพ เช่น จาก อดีตผู้พิพากษา อดีตอัยการ  อดีตข้าราชการตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือเทียบเท่า   อดีตข้าราชการตำรวจในตำแหน่งตั้งแต่ผู้บัญชาการหรือเทียบเท่าขึ้นไป เป็นต้น …..แต่เป็นที่น่าเสียดาย คณะกรรมการคณะนี้ยังสรรหาไม่แล้วเสร็จ ทั้งๆที่ พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติใช้มา จวนจะครบ 1 ปีในวันที่ 17 ตุลาคมนี้แล้ว……..

การประชุม ก.ตร. เมื่อวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม 2566 มีวาระการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งเป็น ผบ.ตร. ซึ่งปรากฏว่านายกรัฐมนตรีรักษาการให้เลื่อนวาระการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ออกไปก่อน  จึงกลายเป็นเรื่อง Talk Of The Town ในวงการสีกากี เพราะเหตุใดหรือครับ?   น่าจะเป็นเพราะเจตนารมณ์ในพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติที่คณะกรรมการยกร่างได้วางไว้เป็นรั้วทองแดง กำแพงเหล็ก ซึ่งแม้ว่าจะให้อำนาจนายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณาและเสนอชื่อผู้เหมาะสมที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร. ก็ตาม  

แต่หาได้ให้อำนาจเสนอได้ตามอำเภอใจง่ายๆ อย่างแต่ก่อนไม่ ….  จะต้องคำนึงถึงอาวุโส และความรู้ความสามารถประกอบกัน โดยเฉพาะประสบการณ์ ในงานสืบสวนสอบสวนหรืองานป้องกันปราบปราม…(มาตรา 78 อนุ 1) ซึ่งก็หมายความว่าหากมีการเสนอชื่อบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสม หรือมีแต่ยังไม่เป็นที่ประจักษ์  เช่น ประสบการณ์ด้านงานสืบสวนสอบสวน หรือป้องกันปราบปรามซึ่งถือเป็นงานหลักของตำรวจ บุคคลที่จะมาเป็นผู้นำหน่วยในตำแหน่ง ผบ.ตร. จะต้องเป็นผู้มีประสบการณ์ตามที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น ดังนั้นผู้ที่เสนอชื่อ ผบ.ตร.จะต้องแบกความรับผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้…..  

หลักเกณฑ์การแต่งตั้งก็ได้นำมากำหนดและบัญญัติไว้ในกฎหมาย ตำแหน่ง รองผบ.ตร. ลงไปถึง ผบช. โดยให้เรียงลำดับอาวุโสร้อยเปอร์เซ็นต์  ตั้งแต่ รอง ผบช. ลงไปถึง ผบก. ร้อยละ 50    ตั้งแต่ รอง ผบก. ลงไปถึง สว. ร้อยละ 33 ไว้อย่างชัดเจน  ความเป็นธรรมก็จะบังเกิด ระบบคุณธรรมก็จะปรากฏขึ้นในการแต่งตั้งและโยกย้ายเสียที  แต่ถ้าจะให้ครบถ้วนสมบูรณ์แบบก็จะต้องเร่งรัดให้มี ก.พ.ค.ตร. เพื่อควบคุม ตรวจสอบ ให้เป็นไปตามระบบคุณธรรม หลักการบริหารบ้านเมืองที่ดี ซึ่งทราบว่าจะมีการสรรหาในเดือนกันยายนนี้ และกระผมเป็นหนึ่งในผู้สมัครซึ่งผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นแล้ว หากผ่านการสรรหาก็ขออาสาเข้าไปติดกระดุมเม็ดแรกเพื่อให้การขับเคลื่อนเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายได้อย่างแท้จริง เพราะได้ร่วมยกร่างมากับหนึ่งสมองสองมือ  

ถึงแม้ว่าขณะนี้กระผมจะเป็นกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ หรือ ก.ร.ตร. อยู่แล้วก็ตาม กระผมพร้อมที่จะลาออกเพื่อมารับตำแหน่งอันสำคัญนี้และจะได้นำอุปสรรคปัญหาข้อขัดข้องในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการอิสระที่ประสบพบเห็นซึ่งปฏิบัติงานมาร่วม 4 เดือนแล้ว  การยกร่างระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ และวิธีการในเรื่องต่างๆซึ่งจะต้องนำมาใช้เป็นคู่มือในการปฏิบัติงานยังไม่แล้วเสร็จ…. ปัญหาภายนอก ปัญหาภายในมีมากมาย (โอกาสหน้า จะได้สาธยายให้ได้อ่านกันครับ)

นายกรัฐมนตรีรักษาการให้เลื่อนวาระแต่งตั้ง ผบ.ตร. ออกไปก่อน และให้ ผบ.ตร. เป็นประธาน ก.ตร. แทน เพื่อประชุมแต่งตั้งและโยกย้ายในระดับรองลงมา ในที่สุด ผบ.ตร.ในฐานะประธานในที่ประชุมก็ให้เลื่อนการแต่งตั้งครั้งนี้ออกไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายนนั้นก็แปลว่า อานิสงส์แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ  รั้วทองแดง กำแพงเหล็กกำลังทำงานแล้ว….  ฝ่ายการเมืองหรือผู้มีอำนาจที่จะเข้ามาแต่งตั้งแลโยกย้ายตำรวจ  แม้ว่าจะยังไม่มี ก.พ.ค.ตร. คอยควบคุม กำกับ อยู่ก็ตามที  แต่โดยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย หากมีการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ โดยไม่ชอบเกิดขึ้น กระผมคงไม่ต้องอธิบายความถึงเรื่องราวที่จะติดตามมานะครับ…………

“ตำรวจมีหน้าที่ในการสร้างความเป็นธรรมอย่างเท่าเทียม ในขณะเดียวกันตนเองไม่มีโอกาสสัมผัสกับความเป็นธรรม… และความเป็นอิสระในการปฎิบัติหน้าที่เลย…..”!!!

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อดีตจเรตำรวจฯ ขอทำเรื่องเฉพาะหน้า ‘เพิ่มเงิน-สวัสดิการตำรวจ’ ก่อนจะไปเปลี่ยนประธาน ก.ตร.

ณะนี้มีการเคลื่อนไหวจะปฏิรูปตำรวจโดยตำรวจเอง หลักๆคือให้นายกรัฐมนตรีไม่เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.  แต่ประธานจะมาจากการเลือกกันเองเหมือนคณะกรรมการข้าราชการอัยการ หรือ ก.อ. กระผม ไม่แน่ใจว่าจะเกิดผลดีกว่าเดิมหรือแย่กว่าเก่า

‘นักกฎหมายตำรวจ’ ถอดบทเรียน การเข้าระงับเหตุ ลดความสูญเสีย

ด้วยความเคารพความกล้าหาญ และเสียสละของผู้เสียชีวิต ควรแก่การยกย่องเป็นเกียรติประวัติสืบไป แต่การเข้าระงับเหตุ ของตำรวจไทยมีข้อผิดพลาด ต้องนำไปถอดบทเรียนแก้ไข

สลด! หนุ่มมุกดาหารโดนไฟดูด ดับคาเสาไฟฟ้าแรงสูง

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มุกดาหาร ได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนตายบนเสาไฟฟ้าแรงสูง บริเวณทางเข้าหมู่บ้านคำตุนาง ไปยังหมู่บ้านกุดโง้ง ตำบลมุก อำเภอเมือง

‘บิ๊กเอก’ ยกเสียงสะท้อนจากตำรวจ เจ็บปวดผู้มีอำนาจข่มขืนองค์กร ถึงเวลาต้องปฏิรูปตร.

อีกเสียงสะท้อนจากนายตำรวจ ที่สื่อสารออกมา อย่างเจ็บปวด เปรียบเทียบให้เห็นภาพองค์กรตำรวจ ผู้มีอำนาจทางการเมือง อดีตผู้บังคับบัญชาสูงสุด ทำอะไรไว้ ควรที่จะปฏิรูปตำรวจอีกหรือไม่

'อดีตผช.ผญบ.' ยิงกำนันสาวเจ็บสาหัส ก่อนฆ่าตัวตายหนีความผิด

'อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน' ใช้อาวุดปืน .38 จ่อยิงกำนันสาว ต.แก่งโสภา จนบาดเจ็บสาหัส กลางงานเลี้ยง ก่อนยิงตัวเองเสียชีวิตหนีความผิด

ทั่นโรมเตือนสติตำรวจอย่างรีบปิดคดี 6 ศพชาวเวียดนาม

'โรม' หวัง ผลสอบ 'พบศพชาวต่างชาติ' โปร่งใส เตือน 'ตำรวจ' พึงสังวรณ์หากรีบปิดคดีให้เรื่องเงียบ จะสูญเสียศรัทธาในกระบวนการยุติธรรม-ทำลายภาพลักษณ์ของประเทศอย่างป่นปี้