รัฐบาลหนุนการวิจัยผลิตยาในประเทศลดการนำเข้า ดันพระราชกฤษฎีกากำหนดพื้นที่ทดลองเพาะปลูกและสกัดสารสำคัญจากฝิ่นและพืชเห็ดขี้ควาย เพื่อการผลิตมอร์ฟีนและยาต้านซึมเศร้า
09 ส.ค.2566 - น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาในประเทศ เพื่อให้เกิดการผลิตสินค้า ตลอดจนยาและเวชภัณฑ์ทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยเมื่อวันที่ 8 ส.ค.2566 คณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้อนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดพื้นที่ทดลองเพาะปลูกและสกัดสารสำคัญจากฝิ่น และกำหนดพื้นที่ทดลองปลูกและสกัดสารสำคัญจากพืชเห็ดขี้ควาย เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัย
สาระสำคัญของกฎหมายได้กำหนดพื้นที่ทดลองเพาะปลูกและสกัดสารสำคัญจากฝิ่นและเห็ดขี้ควาย ตลอดจนมาตรการควบคุมและตรวจสอบการเพาะปลูกและสารสำคัญจากพืชดังกล่าว โดยกำหนดพื้นที่ทดลองปลูกในวิทยาลัยป้องกันและปราบปรามยาเสพติดระหว่างประเทศ สำนักงาน ป.ป.ส. ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ส่วนการทดลองสกัดมอร์ฟีนจากฝิ่นเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์นั้นให้ดำเนินการในพื้นที่องค์การเภสัชกรรม 2 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร และปทุมธานี
ในร่างพระราชกฤษฎีกายังได้เพิ่มเติมพื้นที่ทดลองเพาะเห็ดขี้ควายเพื่อการศึกษาวิจัยให้ครอบคลุมทั้ง 4 ภูมิภาคในพื้นที่ของสถาบันการศึกษาที่มีความพร้อม เพื่อให้ประเทศไทยมีการศึกษาวิจัยการนำพืชฝิ่น หรือเห็ดขี้ควาย ไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ที่เป็นยาเพื่อใช้ในการบำบัดรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ยาต้านการซึมเศร้า หรือผู้ป่วยที่จำเป็นอื่น ภายใต้มาตรการควบคุม และลดการนำเข้ายาประเภทมอร์ฟีนจากต่างประเทศในอนาคต
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยยังต้องพึ่งพาการนำเข้ามอร์ฟีนจากต่างประเทศ เนื่องจากขาดองค์ความรู้จากการวิจัยในการนำพืชฝิ่นมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ โดยในช่วงปี 61-63 ไทยมีการนำเข้ามอร์ฟีนมูลค่ารวม 400.4 ล้านบาท
ขณะเดียวกันยังขาดองค์ความรู้และผลการศึกษาวิจัยในการนำเห็ดขี้ควายมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เนื่องจากพืชเห็ดขี้ควายจัดเป็นยาเสพติดให้โทษและมีการควบคุมที่เข้มงวด ทำให้นักวิจัยไม่สามารถดำเนินการศึกษาวิจัยได้ ซึ่งการออกพระราชกฤษฎีกาฯ นี้ จะเปิดโอกาสให้มีการศึกษาและพัฒนาต่อยอดที่สำคัญสอดคล้องกับการศึกษาในต่างประเทศที่พบว่ามีสารเคมีสำคัญ 2 ชนิดที่อยู่ในเห็ดขี้ควาย คือ สารไซโลไซบิน(Psilocybin) และสารไซโลซีน (Psilocin) ที่มีข้อบ่งชี้และโอาสในการนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์เพื่อพัฒนายาต้านการซึมเศร้าได้
ทั้งนี้ หากการวิจัยและพัฒนาประสบความสำเร็จจะนำไปสู่การพัฒนายารักษาโรคได้เองในประเทศ ลดพึ่งพาการนำเข้า รองรับกับแนวโน้มความต้องการยาเพื่อรักษาผู้ป่วยที่มากขึ้นตามสถานการณ์ผู้ป่วยด้านสุขภาพจิตในไทย ที่ระหว่างปี 58-63 มีผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้าเข้ารับการรักษาถึง 1,758,861 คนและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลพร้อมดูแลช่วงปีใหม่มอบความสุขครบทุกโหมดการเดินทาง
'ศศิกานต์' ย้ำรัฐบาลพร้อมดูแลประชาชนช่วงปีใหม่ 2568 มอบความสุขครบทุกโหมดการเดินทาง คาดปริมาณการจราจรเข้า - ออกกรุงเทพฯ ช่วงเทศกาล 17.37 ล้านคัน
รบ.บูรณาการตั้งจุดทั่วประเทศดูแลเดินทางช่วงปีใหม่
'คารม' เผยรัฐบาลบูรณาการความร่วมมือ “ขนส่ง-อาชีวะ อาสาช่วยประชาชน” ตั้งจุดบริการอำนวยความสะดวก สร้างความปลอดภัยตลอดการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ระหว่าง 27 ธ.ค.67 – 2 ม.ค. 68
รัฐบาลตีเส้นถนน 8 สายรถบรรทุกห้ามใช้ช่วงปีใหม่
รัฐบาลสั่งอำนวยความสะดวก ปชช.เดินทางให้สะดวกเต็มที่ ช่วงปีใหม่ 2568 ห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป วิ่งถนน 8 สาย เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการจราจร ลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
เศรษฐกิจดี! ศศิกานต์ตีปี๊บยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่ พ.ย.พุ่ง
เริ่มคึกคัก 'ศศิกานต์' เผยยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่ พ.ย.2567 พุ่ง 6,266 ราย ทุนรวม 2.4 หมื่นล้าน ชี้ทั้งปีจ่อแตะ 9 หมื่นราย ส่งสัญญานเศรษฐกิจดีขึ้น
รัฐบาลย้ำโครงการฝากบ้านกับตำรวจเทศกาลปีใหม่
รัฐบาลย้ำฝากบ้านกับตำรวจเทศกาลปีใหม่ 2568 นี้ต้องปลอดภัย เที่ยวสุขใจ คลายความกังวลให้ประชาชน
รัฐบาลขีดเส้น 30 วัน เร่งเยียวยาเกษตรกรใต้ 9.4 หมื่นราย
'อนุกูล' เผยรัฐบาลเร่งเยียวยาเกษตรกรชาวใต้หลังน้ำท่วม ตีกรอบสำรวจความเสียหาย 30 วัน รับเงินช่วยเหลือภายใน 10 วัน หลัง ธกส. อนุมัติ