องค์กรอนามัยโลกชื่นชมรัฐบาลไทยดำเนินมาตรการป้องกันเด็กจมน้ำอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558 ลดกว่า 30%
27 ก.ค.2566 – น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ชื่นชมมาตรการผู้ก่อการดีป้องกันการจมน้ำของไทย ภายใต้แนวคิด “Do one thing - Improve one thing - Add one thing” หรือ “เริ่มทำ - ทำต่อ - ต่อขยาย...คนไทยไม่จมน้ำ” ช่วยลดอัตราการจมน้ำของเด็กไทยยได้ถึง 33.5% ระหว่างปี พ.ศ. 2557-2563 โดยรัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญและมีนโยบายเกี่ยวกับเด็กโดยเฉพาะการให้เด็กไทยว่ายน้ำเป็น สามารถลอยตัวในน้ำหรือรอให้คนมาช่วยได้ การออกกำลังกาย และการเรียนสองภาษา โดยยังได้ตั้งเป้าลดการเสียชีวิตจากการจมน้ำของเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เหลือ 2.5 คนต่อประชากรเด็กแสนคนภายในปี พ.ศ. 2570
รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า การจมน้ำเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ของเด็กไทยกลุ่มอายุต่ำกว่า 15 ปี โดยในทุกปีมีคนไทยจมน้ำกว่า 1,500 คน ด้วยเหตุนี้ กระทรวงสาธารณสุขจึงดำเนินการอย่างเด็ดขาดและครอบคลุม โดยได้ริเริ่มกระบวนการดำเนินการป้องกันการจมน้ำภายใต้ชื่อ “ผู้ก่อการดี (Merit Maker)” ซึ่งตั้งแต่เริ่มในปี พ.ศ. 2558 ผู้ก่อการดีได้ผ่านการพัฒนา และปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับให้เข้ากับบริบทและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในท้องถิ่น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ทั้งนี้ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า WHO ยังได้ชื่นชมประเทศไทยที่แสดงให้เห็นว่าสามารถดำเนินการป้องกันการจมน้ำในระดับชาติได้ และไทยยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือจากหลายภาคส่วนในการป้องกันในวงกว้าง อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ โครงการของรัฐบาลเพื่อป้องกันการจมน้ำได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานในการจัดทำระบบและเครือข่ายการป้องกันการจมน้ำในระดับประเทศอย่างครอบคลุม ทำให้ในช่วงระยะเวลา 6 ปี (ปี 2558 - 2564) เกิดทีมผู้ก่อการดี 4,931 ทีม ครอบคลุม 746 อำเภอใน 76 จังหวัด ส่งผลให้แหล่งน้ำเสี่ยงในชุมชน 25,885 แห่ง ได้รับการจัดการให้เกิดความปลอดภัย เกิดแหล่งเรียนรู้การเรียนการสอนว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด 746 อำเภอ และเกิดครูสอนว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด 38,816 คน นอกจากนี้ ประชาชนในพื้นที่ยังได้รับประโยชน์โดยตรง ได้แก่ เด็ก 998,587 คน ได้เรียนว่ายน้ำ ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นในการเอาชีวิตรอด เมื่อตกลงไปในน้ำ ประชาชนและเด็ก 74,886 คน ได้รับการฝึกทักษะการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) ซึ่งมีประโยชน์ต่อการช่วยคนที่หัวใจหยุดเต้น ทั้งจากการจมน้ำและจากสาเหตุอื่น ๆ
“การดำเนินการจะเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลต้องเกิดจากความตระหนักรู้ และความร่วมมือของทุกฝ่ายที่ช่วยกันสร้างเกราะป้องกัน สร้างทักษะให้ประชาชนสามารถเอาตัวรอดได้ โดยรัฐบาลได้ร่วมกับทุกภาคส่วนสร้างการรับรู้ให้คนไทยทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันการจมน้ำ รวมถึงส่งเสริมให้เด็กและประชาชนทั่วไปมีทักษะความปลอดภัยทางน้ำ โดยดำเนินมาตรการให้ครอบคลุมทุกปัจจัยเสี่ยง เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในท้องถิ่นให้เกิดการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพให้มากที่สุด” น.ส.รัชดากล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลยันผู้ปลูกมันสำปะหลังไม่ถูกกดราคาแน่
รัฐบาลให้ความเชื่อมั่นผู้ปลูกมันสำปะหลัง เตือนพ่อค้ากดราคา โทษจำคุกสูงสุด 7 ปี จัดสายตรวจเฉพาะกิจ ลงพื้นที่ตรวจสอบการซื้อขายมันฯ ในแหล่งเพาะปลูกทั่วประเทศ รับฤดูเก็บเกี่ยวที่จะเริ่ม ธ.ค.นี้
รัฐบาลโอ่ผลงานยกระดับเส้นทางสู่ภาคตะวันออกเชื่อมโยงอีอีซี
รัฐบาลยกระดับเส้นทางสู่ภาคตะวันออก เพิ่มประสิทธิภาพการจราจร เชื่อมโยงอีอีซี ล่าสุดกรมทางหลวงขยาย 4 ช่องจราจร ทล.3481 ตอน บ้านหัวไผ่ - การเคหะฯ จังหวัดปราจีนบุรี แล้วเสร็จ
อย่าหลงเชื่อ! มิจฉาชีพใช้โซเชียลหลอกไปทำงานฟาร์มออสเตรเลีย
รัฐบาลเตือนภัยอย่าหลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพใช้โซเชียลหลอกทำงานฟาร์มออสเตรเลีย ย้ำรัฐบาลออสเตรเลีย ยังไม่มีความร่วมมือกับไทยด้านการส่งแรงงานและยังไม่มีนโยบายการออกวีซ่าเกษตรให้กับคนไทย
ข่าวดี! สปสช.เห็นชอบเพิ่มสัดส่วนล้างไตผ่านช่องท้องรายใหม่ 50%
'คารม' เผย บอร์ด สปสช. เห็นชอบข้อเสนอพัฒนาระบบมาตรฐานและคุณภาพของนโยบายล้างไต เพิ่มสัดส่วนผู้ป่วยล้างไตผ่านช่องท้องรายใหม่ 50% ดูแลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังมีความยั่งยืน
ก.อุตฯ ลุยเสริมทักษะเอสเอ็มอีกว่า 200 ราย
'ศศิกานต์' เผย ก.อุตฯ เดินหน้าส่งเสริมเอสเอ็มอีกว่า 200 ราย เสริมทักษะ เพิ่มขีดการแข่งขัน เน้นดิจิทัลและความยั่งยืน คาดดันเศรษฐกิจโตกว่า 62 ล้านบาท