20 มิ.ย.2566- ที่ทำเนียบรัฐบาล นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงการหารือกับผู้แทนรัฐมนตรี และผู้แทนระดับสูงประเทศอาเซียน เพื่อหาทางออกปัญหาสถานการณ์ในเมียนมา เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า บรรยากาศประชุมเป็นไปด้วยดีและผู้เข้าร่วมอยากให้ฝ่ายไทยจัดขึ้นอีก โดยผู้เข้าร่วม 7 ประเทศ ในจำนวนนี้มีประเทศจีน และอินเดีย ที่เข้าร่วม เนื่องจากมีชายแดนที่ติดกับเมียนมาและได้รับผลกระทบด้วย ทั้งนี้ในการประชุมอาเซียนเมื่อปี2565 ที่กัมพูชา เป็นเจ้าภาพ เคยออกแถลงการณ์ อยากให้ทุกฝ่ายร่วมกันหาทางทำให้การแก้ปัญหาเมียนมาลุล่วงให้ได้ในโอกาสต่างๆและรูปแบบต่าง และหาวิธีการทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ ซึ่งวิธีการหารือไม่เป็นทางการเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้ปัญหาลุล่วง และไทยจัดมาแล้ว 2 ครั้ง ถือว่าได้ประโยชน์ ถ้าไม่ได้ประโยชน์ผู้ที่เคยมาร่วมพูดคุยคงไม่มาอีก ส่วนการหารือครั้งล่าสุด ยังได้พูดในเรื่องที่ไม่เคยพูดกันมาก่อน และมีผู้เข้าร่วมมากกว่าก่อนหน้านี้
นายดอน กล่าวว่า การหารือครั้งนี้ เราทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศไทย แต่ทุกคนมองข้ามแล้วมองว่าต้องทำตามแนวทางของอาเซียนอย่างเดียว ซึ่งแนวทางอาเซียน ประเทศไทยและประเทศสมาชิกต้องทำตามอยู่แล้ว และที่รีบหารือเพราะประเทศไทยมีชายแดนติดกับเมียนมา กว่า 2,000 กิโลเมตร ขณะที่ประเทศอาเซียนอื่น ไม่ได้มีชายแดนที่ติดยาวแบบไทยจึงไม่ได้รับความเดือดร้อน ไม่รู้สึกว่าต้องรีบหาทางออกเรื่องเมียนมา ที่เป็นปัญหายืดเยื้อ แต่เรื่องนี้ส่งผลถึงประเทศไทย คนไทย การค้าชายแดน นักธุรกิจ และปัญหากลุ่มสแกมเมอร์ ในเมียนมา ที่หลอกลวงคนจากหลายประเทศและคนไทย ข้ามไปทำงานผิดกฎหมาย รวมถึงปัญหาค้ายาเสพติด ของผิดกฎหมาย จึงอยากให้ทุกคนมองประเด็นเหล่านี้ด้วยว่า ฝ่ายไทยพยายามหาทุกวิถีทาง ดำเนินการโดยยึดผลประโยชน์ของประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่าผลการหารือในเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง นายดอน กล่าวว่า ได้มีการตกลงกันว่าจะไม่เปิดเผยเนื้อหาสาระต่อสาธารณชน แต่ขอให้รับรู้ว่าเป็นประโยชน์และอยากให้เราจัดอีก ขณะที่เมียนมา พยายามดำเนินการด้านต่างๆ เพื่อให้การแก้ปัญหาคืบหน้า โดยประกาศแล้วว่าจะจัดการเลือกตั้ง ก่อนที่อาเซียนจะออกมาเรียกร้อง
เมื่อถามว่าจะต้องส่งเรื่องนี้ไปให้รัฐบาลชุดใหม่ดำเนินการต่อหรือไม่ นายดอน กล่าวว่า เรื่องนี้ทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศไทย อะไรที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของประเทศและคนไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไปดำเนินการ ส่วนใครที่เห็นและรับรู้เรื่องนี้ ควรรู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อ การส่งมอบงาน เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการเป็นเรื่องปกติ ขณะที่บุคคลทั่วไปควรรับรู้ว่าปัญหาเมียนมาส่งผลกระทบกับไทยอย่างไร ไม่ใช่เดินตามข่าวสารที่มาจากการเล่าข่าวด้วยอคติ
ถามย้ำถึงเสียงวิจารณ์ ควรรอให้มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาจัดการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมาร นายดอน กล่าวย้อนว่า เรื่องที่เกี่ยวข้องกับไทย จะรอได้หรือ ถ้ามีโอกาสทำได้ทุกคนต้องช่วยกันดูแลให้เร็วที่สุด และการหารือยังต้องทำอย่างต่อเนื่อง แม้จะเหนื่อยแต่เราต้องดูแลผลประโยชน์ประเทศ และในการหารือไม่ได้มีการลงนามในเรื่องใดๆ เพียงแต่พูดคุยให้รับรู้พัฒนาการต่างๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่าในโอกาสที่พบกับรัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมาได้พูดคุยถึงปัญหาสู้รบบริเวณชายแดนด้วยหรือไม่ เพราะเหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้อพยพชาวเมียนมาทะลักเข้าประเทศไทย นายดอน กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาในเมียนมาที่กระทบกับไทย เกิดมานาน 30-40 ปี แล้ว และเราไม่อยากให้เกิดสู้รบ เพราะจะส่งผลกระทบมาถึงประเทศไทยด้วย แต่เมื่อมีคนอพยพเข้ามา เราช่วยดูแลรักษาพยาบาล ก่อนส่งกลับประเทศ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'มาริษ' แจงโอนหุ้นก่อนรับตำแหน่ง รมต.แล้ว หลังถูก 'เรืองไกร' ยื่นสอบ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวั
'อดีตรมว.คลัง' ขุดหลักฐาน 'สุรเกียรติ์' ก่อข้อสงสัย ไทยตีความฝ่ายเดียว 'เกาะกูด' เป็นของไทย
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประ
'มาริษ' พบ 'ไบเดน' ย้ำสัมพันธ์ไทย-สหรัฐแน่นแฟ้น
'มาริษ' พบ 'ไบเดน' ย้ำความสัมพันธ์ 2 ประเทศ ยืนยันไทยพร้อมทำงานร่วมกับสหรัฐให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พร้อมขอบคุณต้อนรับอบอุ่น
บี้รับผิดชอบ! นายกฯ-รมต. รู้เห็นเป็นใจ 'นักโทษ' จุ้นจ้านเมียนมา
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า รัฐบาลเมียนมาตำหนิทักษิณทำสิ่งไม่เหมาะสม ระวังกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
งานแรกก็พังแล้ว! 'มาริษ' ไม่รู้ 'ทักษิณ' คุยชนกลุ่มน้อย ปล่อยผ่านเพราะเป็นผู้กว้างขวาง
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการทำงานว่า ในเรื่องการทำงานขอพูดคุยกั
'ปานปรีย์' เก็บของ อำลาข้าราชการ กต. ยอมรับตกใจแห่กันมาแน่นกระทรวง
นายปานปรีย์ พหิทธานุกร เดินทางเข้ากระทรวงการต่างประเทศ เพื่อ เก็บของในห้องทำงาน และ อำลาข้าราชการ