‘ราชทัณฑ์’ เผยมีผู้ต้องราชทัณฑ์ 2 กลุ่ม ได้รับพระราชทานอภัยโทษ

ในหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ทั่วประเทศ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยมีผู้ต้องราชทัณฑ์ 2 กลุ่มได้รับพระราขทานอภัยโทษ

5 ธ.ค.2564-นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรม เปิดเผยว่าเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2564 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ทั่วประเทศ ที่มีความประพฤติดีให้ได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษ และปล่อยตัว ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป

​​โดยในครั้งนี้จะมีผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ จำนวน 2 กลุ่ม คือ (1) กลุ่มที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว ได้แก่ ผู้ต้องกักขัง ผู้ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ ผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติที่มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี รวมถึงผู้พิการ ผู้ที่เป็นโรคร้ายแรง และชราภาพ เป็นต้น และ (2) กลุ่มที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษ ได้แก่ ผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติและผู้ต้องราชทัณฑ์นอกเหนือจากกลุ่มแรก โดยผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติจะได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษและลดระยะเวลาคุมประพฤติลงครึ่งหนึ่ง ส่วนนักโทษเด็ดขาดจะได้รับการลดโทษในอัตราส่วนมากหรือน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับชั้นนักโทษและฐานความผิด

​ในส่วนของผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ตามพระราชกฤษฎีกาฯ ฉบับนี้ ประกอบไปด้วย 1.ผู้กระทำความผิดซ้ำและไม่ใช่นักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม 2.นักโทษเด็ดขาดชั้นต้องปรับปรุงหรือชั้นปรับปรุงมาก 3.ผู้กระทำความผิดในคดียาเสพติดรายใหญ่ที่พึ่งรับโทษจำคุกภายหลังพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2564 (28 กรกฎาคม 2564) บังคับใช้ 4.และผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ถูกศาลลงโทษประหารชีวิตที่เคยได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว ทั้งนี้ พระราชกฤษฎีกาฯ ฉบับนี้ ได้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 6 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป โดยระบุให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน นับแต่พระราชกฤษฎีกามีผลบังคับใช้

​​นายอายุตม์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชน ได้ร่วมกันเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยให้กับผู้ต้องราชทัณฑ์ ในระหว่างที่ถูกควบคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำและทัณฑสถาน ทั้งการให้การศึกษา อบรมพัฒนาจิตใจ การฝึกทักษะอาชีพ การแนะแนวการประกอบอาชีพ  โดยเฉพาะโครงการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย โครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์” ที่มีการอบรมในหลักสูตรฝึกปฏิบัติการเกษตรทฤษฎีใหม่ในพื้นที่ขนาดเล็กให้แก่ผู้ต้องขัง ภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อให้มีความรู้ติดตัว สามารถนำไปประกอบอาชีพภายหลังพ้นโทษได้ อีกทั้ง ยังได้ร่วมกับเครือข่ายภาคสังคม ติดตาม ดูแล และช่วยเหลือผู้พ้นโทษ โดยหวังว่าสังคม ตลอดจนผู้ประกอบการ หรือห้างร้านบริษัทต่างๆ จะให้โอกาสผู้พ้นโทษเข้าทำงาน ร่วมให้กำลังใจและเปิดใจยอมรับผู้ก้าวพลาด ให้ได้กลับตัวเป็นคนดีของสังคม ไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำอีก

​​ทั้งนี้ ผู้พ้นโทษที่จะได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่ง จะต้องผ่านการตรวจคัดกรอง และกักตัวตามมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของกรมราชทัณฑ์อย่างเคร่งครัด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ชาญชัย' จ่อยื่นศาลฎีกาฯครั้งที่ 3 เอาผิดเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นำ 'ทักษิณ' เข้าคุก

'ชาญชัย' แจงข้อเท็จจริง 2 คำร้องต่อศาลฎีกาการเมือง 2 ครั้ง เหตุใด 'ทักษิณ' จึงไม่ถูกจำคุกตามคำพิพากษาของศาลแม้แต่วันเดียว ศาลชี้ให้ดูประเด็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทำผิดกฎหมายเรื่องใด เผยรวบรวมพยานหลักฐานได้50% จ่อยื่นครั้งที่ 3 เอาผิดเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นำ'ทักษิณ'เข้าคุก

'เพื่อไทย' หวาดหวั่น 6 ข้อหา ซ่อนดาบสังหารไว้แนบเนียน วิบากกรรมชั้น14 เป้า 'ทักษิณ-อุ๊งอิ๊ง'

'เพื่อไทย' หวาดหวั่นออกอาการกลบเกลื่อนคดีล้มล้างการปกครอง 'จตุพร' ระบุคำร้องส่งศาล รธน.ไม่ธรรมดา ประเมิน 6 ข้อหาเหมือนไม่มีอะไร แต่ซ่อนดาบสังหารไว้แนบเนียน พร้อมอ่านทาง ปปช. สอบสวนชั้น 14 เน้นจัดการเจ้าหน้าที่ แล้วไปดักพบเล่นงานเป้า 'ทักษิณ-อุ๊งอิ๊ง'เหมือนกัน

'ทักษิณ' เตรียมร่วมยินดี 'อุ๊งอิ๊ง' ทำพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นนายกฯ

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาตัดผม ที่ห้างดังย่านเพลิน โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง ภายหลังที่วันนี้ (17ส.ค.) ช่วงบ่าย ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษฯ ซึ่งมีรายงานว่า