โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ส่งเสริมความร่วมมือเพิ่มมูลค่ายางพารา-ปาล์ม ผลักดันเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน และการท่องเที่ยวระหว่างอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย ในการประชุม IMT-GT Summit
24 พ.ค.2566 - นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบผลการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 15 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT Summit) ร่วมกันเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร ทั้งยางพาราและปาล์ม พร้อมผลักดันโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยง 3 ประเทศ และฟื้นฟูการท่องเที่ยวภายหลังการแพร่ระบาดโรคโควิด-19
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่ายอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT Summit) ซึ่งได้เข้าร่วมประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 15 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย(The 15th IMT-GT Summit) ณ เมืองลาบวน บาโจ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ที่ประชุมฯ สรุปความสำเร็จในรอบ 30 ปี ของแผน IMT-GT ของทั้ง 3 ประเทศ ทั้งมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ภายในอนุภูมิภาคซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 1.279 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2527 เป็น 4.057 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2564 รวมทั้งมูลค่าการค้าระหว่างกันที่เพิ่มขึ้นจาก 9.79 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2527 เป็น 6.18 แสนล้านดอลลาร์ ในปี 2564
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ เน้นย้ำประเด็นการพัฒนาที่สำคัญ ได้แก่ 1.เร่งรัดพัฒนาโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเพื่อความเชื่อมโยงที่ไร้รอยต่อ 2.พัฒนาสินค้าเกษตรที่ทั้ง 3 ประเทศมีการผลิตร่วมกันในปริมาณมาก ได้แก่ ยางพารา และปาล์มน้ำมัน 3.เร่งรัดการลงนามในกรอบความตกลงด้านพิธีการศุลกากร การตรวจคนเข้าเมือง และการตรวจโรคพืชและสัตว์ เพื่ออำนวยความสะดวกการเคลื่อนย้ายของคนและสินค้าอย่างไร้รอยต่อ และ 4.พัฒนาโครงการภายใต้ความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งดำเนินกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวในทุกรูปแบบ เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว และฟื้นฟูเศรษฐกิจของ IMT-GT ภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
“นายกฯ ให้ความสำคัญกับความร่วมมือระหว่าง 3 ประเทศ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือที่สำคัญ โดยมีหลายส่วนเป็นประเด็นที่ไทยเน้นย้ำการดำเนินการมาโดยตลอด ทั้งการพัฒนาสีเขียวและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการยกระดับการพัฒนาอนุภูมิภาค การสร้างความร่วมมือในอุตสาหกรรมศักยภาพ ทั้งอาหารฮาลาล สินค้าเกษตร อาทิ ยางพาราและปาล์ม รวมถึงเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน และร่วมกันผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยวระหว่างกัน เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของอนุภูมิภาค” นายอนุชากล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'มาริษ' บอกยิ่งลักษณ์ยังไม่ประสานกลับไทยไม่รู้พ่อนายกฯ มีกี่สัญชาติ!
'มาริษ' เผยคืบตั้ง คกก.เจทีซี รอพิจารณาเพิ่มบุคคล ยันชง ครม. เร็วที่สุด ปัด 'ยิ่งลักษณ์' ยังไม่ประสานกลับไทย
รัฐบาลดี๊ด๊า! เปิดทำเนียบฯ รับม็อบเชียร์ 'กิตติรัตน์' นั่งปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ
เครือข่ายภาคประชาสังคมฯ ยื่น 1.5 หมื่นรายชื่อ หนุน 'กิตติรัตน์' นั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ 'รองเลขาฯนายกฯ' รีบหอบส่ง ธปท.ทันที แย้มวันนี้ไม่เลื่อนแล้ว
'มาริษ' มั่นใจไม่ว่าใครเป็นประธานธิบดีสหรัฐความสัมพันธ์ก็ยังมั่นคงเหมือนเดิม!
'มาริษ' บอกไม่มีปัญหาใครมาเป็นหัวเรือสหรัฐฯ ความสัมพันธ์กับไทยยังมั่นคงชัดเจนเหมือนเดิม ตามนโยบาย 'นายกฯอิ๊งค์' ผลประโยชน์ต้องวินๆทั้งสองฝ่าย
'มาริษ' ยันเจรจาพื้นที่ทับซ้อน กต.จะทำงานด้วยความเป็นมืออาชีพสูงสุด!
รมว.กต.ยืนยันผลการเจรจาเพื่อใช้ประโยชน์ปิโตรเลียมในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนไทย-กัมพูชา ประชาชนไทยต้องเห็นชอบก่อน - ย้ำผลประโยชน์ต้องเป็นของประชาชน – ชี้ MOU44 เป็นกลไกทำให้การเจรจาเดินหน้าได้
'แพทองธาร' ปลื้มไทยได้รับเลือกเป็นคณะมนตรี UNHRC ด้วยคะแนนสูงสุด
นายกฯ รับรายงาน เวที UN โหวตให้ไทยเป็นคณะมนตรี UNHRC 1 ใน 18 ประเทศด้วยคะแนนสูงสุด
'มาริษ' ขอบคุณนานาชาติเลือกไทยนั่งคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
'รมว.กต.' ขอบคุณ หลังไทยได้รับเลือกนั่ง HRC วาระ 2568-2570 ยืนยันจะเป็นสะพานเชื่อมความแตกต่างของชาติสมาชิก แสดงความมุ่งมั่นส่งเสริมสถานะประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนไทยให้เป็นที่ยอมรับ