นายกฯชมทุกภาคส่วนช่วยบริหารน้ำและเกษตรยั่งยืน

นายกฯ ชื่นชมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำและการเกษตรแบบยั่งยืน

26 มี.ค. 2566 – นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานการลงนามข้อตกลงความร่วมมือโครงการเสริมสร้างความสามารถในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในลุ่มน้ำของประเทศไทย (Enhancing Climate Resilience in Thailand through Effective Water Management and Sustainable Agriculture) เพื่อการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ และการเกษตรแบบยั่งยืน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงนามข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว เป็นการบูรณาการร่วมมือระหว่าง กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ประจำประเทศไทย โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนแบบให้เปล่าจากกองทุนภูมิอากาศสีเขียว (Green Climate Fund: GCF) ซึ่งโครงการดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนกระบวนการบริหารจัดการน้ำที่คำนึงถึงการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกร ด้วยการสร้างความสมบูรณ์ของโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการน้ำ และใช้มาตรการปรับตัวโดยอาศัยระบบนิเวศเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและสถาบันการเกษตร ที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันภาคการเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมไปถึงการบริหารจัดการทรัพยากรการเกษตรและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืนต่อไป

“ผลการลงนาม MOU ครั้งนี้ สะท้อนถึงความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่คำนึงถึงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น เพื่อประโยชน์สูงสุดกับภาคเกษตรกร ทั้งนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อความปลอดภัย การดำรงชีวิต และคุณภาพชีวิตประชาชนโดยได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาด้านน้ำอย่างต่อเนื่อง“ นายอนุชาฯ กล่าว 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เดินตามแนวพระราชดำริ...ช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมชุมพร

ในช่วงวันที่ 13-15 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมามรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงได้พัดปก คลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคใต้ตอนล่างเคลื่อนลงสู่ทะเลอัน

จับตาการพัฒนาลุ่มน้ำสงคราม “อู่ข้าวอู่น้ำ” ของภาคอีสานตอนบน

ลุ่มน้ำสงคราม สาขาของลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือที่มีขนาดใหญ่รองลงมาจากลุ่มน้ำมูลและลุ่มน้ำชี มีพื้นที่ประมาณ 12,700 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 7.94 ล้านไร่

ประตูระบายน้ำศรีสองรักอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ความยั่งยืนของการพัฒนาลุ่มน้ำเลย

ลุ่มน้ำเลย เป็นลุ่มน้ำสาขาของลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ มีแม่น้ำเลยเป็นแม่น้ำสายหลัก ที่มีต้นน้ำอมาจากอำเภอภูหลวง ซึ่งเป็นพื้นที่สูงลาดชัน

ตอนบนของประเทศ ฝนลดลง ชป.เดินหน้าเก็บกักน้ำปลายฤดูฝน สำรองไว้ใช้แล้งหน้าให้มากที่สุด

เมื่อวันนี้ 15 ต.ค. 67 ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (swoc) อาคาร 99 ปี หม่อมหลวงชูชาติ กำกู กรมชลประทาน ถนนสามเสน ผศ.ดร.สิตางศ์ พิสัยหล้า ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา