ป.ป.ช. เปิดยื่นบัญชีทรัพย์สินออนไลน์ ตั้งแต่ 1 เม.ย.

20 มี.ค. 2566 – นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า สำนักงาน ป.ป.ช. ได้เพิ่มช่องทางในการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินผ่านทางระบบออนไลน์ทางเว็บไซต์ www.nacc.go.th และ https://asset.nacc.go.th./ods-app เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเดิมจะต้องดำเนินการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมเอกสารประกอบ ที่สำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลางหรือส่วนภูมิภาค

แต่ภายหลังที่สำนักงาน ป.ป.ช.ได้เปิดช่องทางยื่นฯ ผ่านระบบออนไลน์สำหรับระยะที่ 1 ซึ่งเปิดใช้งานเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมา นับว่าได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ มีจำนวนผู้ยื่นบัญชีผ่านระบบแล้ว 138 ราย ซึ่งคิดเป็นประมาณร้อยละ 10 ของจำนวนผู้อื่น เนื่องจากมีความสะดวกรวดเร็ว มีความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งานเพราะมีขั้นตอนยืนยันตัวตน โดยผู้ยื่นบัญชีทรัพย์สินสามารถจัดเก็บและเรียกดูข้อมูลรายการทรัพย์สินของตนเองบนระบบได้ ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช. วางแผนจะเพิ่มจำนวนผู้ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ผ่านระบบออนไลน์ให้ได้เป็นร้อยละ 50 ต่อไป ทั้งนี้ รายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นผ่านระบบออนไลน์ จะช่วยให้ผู้ตรวจสอบทรัพย์สินสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ทันที ส่งผลให้การตรวจสอบทรัพย์สินฯทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ขณะนี้ สำนักงาน ป.ป.ช. ได้เตรียมพร้อมสำหรับระยะที่ 2 ที่จะเปิดให้เริ่มยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2566 โดยเปิดสำหรับผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ตามมาตรา 102 (1-8) ได้แก่ (1) ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (2) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ (3) ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ (4) ข้าราชการตุลาการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมซึ่งดำรงตำแหน่งตั้งแต่อธิบดีผู้พิพากษาขึ้นไป (5) ข้าราชการตุลาการศาลปกครองตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ซึ่งดำรงตำแหน่งตั้งแต่อธิบดีศาล ปกครองชั้นต้นขึ้นไป (6) ข้าราชการอัยการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการซึ่งดำรงตำแหน่งตั้งแต่อธิบดีอัยการขึ้นไป (7) ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง และ (8) ตำแหน่งอื่นตามที่กฎหมายอื่นกำหนดให้มีหน้าที่ยื่นบัญชีฯ

ต่อด้วยระยะที่ 3 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2566 สำหรับผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีตามมาตรา 102 (9) ได้แก่ ผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิก สภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด โดยในปีที่ผ่านมาภารกิจด้านการตรวจสอบทรัพย์สินสามารถจัดการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินฯ คงค้างได้เป็นอย่างดี ซึ่งในปี พ.ศ. 2566 สำนักงาน ป.ป.ช. จะมุ่งเน้นการตรวจสอบเชิงคุณภาพด้วยการตรวจสอบยืนยันและเชิงลึก ซึ่งจะนำไปสู่การไต่สวนคดีร่ำรวยผิดปกติเพื่อร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินต่อไป

ทั้งนี้ ผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. สามารถเข้าใช้งานระบบการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน (Online Declaration System หรือ ODS) โดยยื่นบัญชีฯ ในรูปแบบออนไลน์ทางเว็บไซต์ www.nacc.go.th และ https://asset.nacc.go.th./ods-app สอบถามเพิ่มเติมโทรสายด่วน ป.ป.ช. 1205 ในวันและเวลาราชการ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดชื่อผู้สมัคร ป.ป.ช. 3 เก้าอี้ คนดังเพียบ ผู้พิพากษา อัยการ บิ๊กทหาร-ตำรวจ อดีตผู้ว่าฯ

สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กรณีแทนตำแหน่งที่ว่าง (พลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช.

'อิ๊งค์' แค่พยักหน้า ปม รพ.ตร. ไม่ยอมส่งเวชระเบียน 'พ่อนายกฯ' ให้ ป.ป.ช.

'นายกฯอิ๊งค์' ปฏิเสธตอบคำถาม ปม รพ.ตำรวจ ไม่ส่งเวชระเบียนรักษาตัว 'ทักษิณ' หลัง ‘ป.ป.ช.’ ทวงแล้ว 3 ครั้ง ทำแค่พยักหน้ารับทราบ

‘ผู้การจ๋อ’ ส่งทนายยื่นหนังสือ ‘ผบ.ตร.’ ยัน ป.ป.ช.ไม่ชี้มูล คดี ‘อัจฉริยะ’ ร้องเรียน

ทนายความของ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล นำมติ ป.ป.ช.ที่ไม่ชี้มูลความผิด กรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ร้องทุกข์กล่าวโทษ

ลุ้นอีกรอบ! ‘บิ๊กจ้าว-พล.ต.ท.ธิติ’ โผล่สมัครชิงเก้าอี้ ป.ป.ช. เปิดรับวันสุดท้าย 4 พ.ย.

ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในฐานะหน่วยธุรการ เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จำนวน 3 คน ระหว่างวันที่ 21 ตุลาคม - 4 พฤศจิกายน 2567

'ผู้พิพากษา-อัยการ-บิ๊กสีกากี' แห่สมัคร! ชิง 3 เก้าอี้ ป.ป.ช.

ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในฐานะหน่วยธุรการ เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)