'ประสิทธิ์ชัย' โพสต์ฟาดเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ ยันกัญชาทางการแพทย์ ไม่จำเป็นต้องคุมด้วยหมอ

“ประสิทธิ์ชัย” โพสต์ฟาดเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ กัญชาทางการแพทย์ต้องควบคุมด้วยแพทย์ ไม่จริง ชี้ประชาชนเชี่ยวชาญกว่าเพราะใช้มานับ 100 ปี ยกบทเรียน ธุรกิจหากินกับยาแผนปัจจุบันรวยอู้ฟู่อยู่ไม่มีคน ลั่นภาคประชาชนไม่ยอม แม้ พ.ร.บ.กัญชา จะไม่ผ่านสมัยประชุมนี้ ลุยอบรมปลูกและทำยาอย่างมีคุณภาพที่ทำมาแล้ว ทำต่อ เพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจริง

19 มี.ค. 2566 – นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล แกนนำเครือข่ายประชาชนเพื่อการมีกฎหมายควบคุมกัญชาในประเทศไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุ ถึงกัญชาทางการแพทย์ว่า กัญชาทางการแพทย์ ต้องใช้ด้วยแพทย์ จึงจะเรียกว่าการแพทย์ นี่คือวัฒนธรรมแห่งอำนาจ กัญชาต้นเดียวกันเมื่อจ่ายด้วยประชาชนคนธรรมดากลับไม่เรียกว่าการแพทย์ จะเป็นการแพทย์หรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าใครจ่าย ไม่ได้ขึ้นกับคุณสมบัติของกัญชา อันนี้คือวัฒนธรรมอำนาจชนิดหนึ่ง วัฒนธรรมที่มอบอำนาจให้กับผู้เชี่ยวชาญในการวินิจฉัยชี้ขาด วัฒนธรรมเช่นนี้แฝงอยู่ในทุกระบบ และเบียดขับประชาชนตลอดมา ประชาชนคือผู้โง่เขลาไม่สามารถมีสติปัญญาในการวินิจฉัยเรื่องราว

แกนนำเครือข่ายประชาชนฯ กล่าวด้วยว่า การพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมก็มอบอำนาจให้ผู้เชี่ยวชาญ จนก่อเกิดหายนะด้านสิ่งแวดล้อมและเบียดขับประชาชนทั่วประเทศ การพิจารณาผังเมืองซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับความเป็นอยู่ของประชาชนกลับมอบอำนาจให้ผู้ชำนาญการที่เรียกว่ากรรมการผังเมืองระดับชาติ การมอบอำนาจให้ผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัย มันจะกลายเป็นกลไกแห่งการควบคุมเสมอ และ เป็นกลไกการปิดปากประชาชนได้เป็นอย่างดี เพราะผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยแล้วและกฎหมายก็ออกแบบให้มีสภาพบังคับว่าการวินิจฉัยของผู้เชี่ยวชาญเป็นที่สิ้นสุด

นายประสิทธิ์ชัย กล่าวว่า กัญชา พืชต้นหนึ่งที่ปลูกกันมานับพันปี พอมันมีมูลค่าและมีคุณสมบัติทางยา จึงเอากัญชาไปเข้าแนวคิดเดิมในวัฒนธรรมแห่งอำนาจ คือ มอบให้ผู้เชี่ยวชาญ มีสิทธิวินิจฉัยว่าใครจะใช้ได้หรือไม่ได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ใช้รักษากันมานับแสนคนโดยหมอพื้นบ้านและประชาชนทำกันเอง น่าอัปยศที่สุด ที่ยังคงมีคนสยบยอมต่อวัฒนธรรมอำนาจชนิดนี้อย่างน้อยที่สุด พรรคเพื่อไทยก็คิดตรงกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะเอากัญชาเข้าสู่วัฒนธรรมแห่งอำนาจนี้ คือ การตัดสิทธิของประชาชนในการใช้พืชต้นหนึ่งไปให้กับพวกหมอ ซึ่งไม่เคยใช้กัญชาและรังเกียจกัญชา อย่างน้อยชมรมแพทย์ชนบทก็คิดตรงกับแพทยสภาที่จะเอากัญชาเข้าสู่วัฒนธรรมแห่งอำนาจ เพราะเมื่ออำนาจอยู่ในมือหมอนึกออกไหมว่าหลังจากนี้ผลประโยชน์โคตรมหาศาลจะตกอยู่กับใคร

“ผู้เชี่ยวชาญที่ถูกสถาปนาขึ้นมานั้น ดูวุฒิการศึกษา ดูตำแหน่งฐานะ ความหายนะจึงเกิดขึ้น เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมที่ทำสิ่งแวดล้อมพังทลายมามากมาย เพราะไม่ได้รู้จักพื้นที่จริงเท่าประชาชน คำถามถัดมาเรื่องกัญชา คือ หากมอบให้หมอแผนปัจจุบันดำเนินการจะเกิดอะไรขึ้น ต้นกัญชาจะถูกเอามาจากบริษัท เพราะชาวบ้านถูกมองว่าปลูกไม่ได้มาตรฐาน ท้ายที่สุด กัญชาก็เป็นมูลค่ามหาศาลที่กอบกินกันได้ เหมือนมูลค่ายาแผนปัจจุบันปีละหลายแสนล้าน พวกหมอคนไหนได้ประโยชน์จากระบบยานี้บ้าง เมื่อเราศรัทธาวัฒนธรรมแห่งอำนาจไม่มีทางที่ประชาชนจะเติบโต เขาจะคุมเราทุกระบบ ซึ่งพรรคเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์คิดตรงกัน เพราะสองพรรคนี้ศรัทธาในวัฒนธรรมอำนาจ น่าเศร้าที่เขาเอากัญชา ไปใส่พานให้กลไกผู้เชี่ยวชาญ เราใช้กัญชากันมานับ100 ปี ไม่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ส่วนหมอแผนใหม่ซึ่งไม่เคยจ่ายกัญชาและรังเกียจกัญชา กำลังจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ เพราะว่า วัฒนธรรมแห่งอำนาจฝังลึกในจิตสำนึก จนกลายเป็นสิ่งชอบธรรม แต่เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย จะไม่ยอมตกอยู่ภายใต้วัฒนธรรมแห่งอำนาจที่จะเอาสิทธิกัญชาไปจากประชาชน” นายประสิทธิ์ชัย กล่าว

สอดคล้องกับนายอัครเดช ฉากจินดา แกนนำเครือข่ายภาคประชาชนอีกคน ที่มองว่า กัญชาทางการแพทย์ คือ การใช้กัญชาเพื่อการรักษา ไม่ได้หมายความว่า จะต้องจ่ายโดยแพทย์จึงจะเรียกว่ากัญชาทางการแพทย์ ระบบสุขภาพของประเทศนี้เมื่อฝากไว้กับระบบเดียวคือแพทย์สมัยใหม่ ลองดูตัวชี้วัดเราจะพบการเพิ่มขึ้นของโรค จำนวนคนเป็นโรค และ การเติบโตของโรงพยาบาล สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นพร้อมกับระบบการแพทย์ที่ก้าวหน้า มีแต่การออกแบบระบบนิเวศแห่งการรักษาที่หลากหลายจึงจะฟื้นคืนระบบสุขภาพของประชาชนในประเทศนี้ได้

ด้าน สหพร ทิพย์จำนงค์ เครือข่ายประชาชน แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุค ว่า กัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้นเป็นวาทกรรมให้ดูดีเพื่อให้ใครมากมายได้มีโอกาสได้แกล้งโง่และโง่แบบไม่แกล้ง เพราะมีความพยายามมานานเรื่องผลักดันเป็นยาเพื่อการแพทย์ เพราะมันตอบโจทย์เกิน100 โรค แต่วงการแพทย์สมัยใหม่ไม่สน ใจ เพราะมันไปขัดผลประโยชน์ใคร มาวันนี้ดันวาทกรรมเพื่อการแพทย์เพื่อให้ดูดี ให้เห็นความเป็นห่วงสังคม บังเอิญเป็นสังคมที่ป่วยล้นและสร้างกำไรสร้างความมั่นคงให้อาชีพที่หากินกับความป่วยไข้ เพราะมันยังต้องใช้การวินิจฉัยของแพทย์ที่ต่อต้านกัญชาภายใต้วาทกรรมเพื่อการแพทย์ แต่มันไม่ใช่เพื่อแพทย์ เพราะสุดท้ายคือตัวเลือกสุดท้ายที่คง ไม่ได้เลือก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายกัญชาเพื่อประชาชน ได้จัดอบรมทำยากัญชารุ่นที่1 ที่ จังหวัดกระบี่ โดยวัตถุประสงค์ของการอบรมในครั้งนี้คือ สอนการปลูกและการทำยากัญชา เพื่อสร้างองค์ความรู้ให้กลับมายังท้องถิ่นและตัวผู้คนในชุมชน เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน และกระบวนการพัฒนาดังกล่าวคือการสถาปนาสิทธิของประชาชน นั่นหมายถึงว่าไม่ว่าการเมืองจะแปรผันไปเป็นแบบไหนก็ตาม การสถาปนาสิทธิของประชาชนดังกล่าวเป็นสิทธิพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ที่จะใช้พืชต้นหนึ่งสำหรับดูแลชีวิตตัวเอง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อย่าให้มาตรฐาน 'ยาเสพติด' ผิดเพี้ยน สธ.ยุค 'สมศักดิ์' ต้องตอบสังคมให้ได้

เมื่อเจ้ากระทรวงใหม่เข้าบริหาร ความเปลี่ยนแปลงต่างๆในองค์กรก็ปรับเปลี่ยนแบบม้วนกลับ งานนี้ทั้งหมอทั้งเจ้าหน้าผู้เกี่ย

'หมอธนาเศรษฐ' หวั่น อนาคตกัญชาไทย กลับไปติดล็อก กระทบการใช้ประโยชน์ภาคประชาชน

นายแพทย์ ธนาเศรษฐ์ พื้นชมภูจิรโชติ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทางเลือก ให้ความเห็นถึงความพยายามในการนำกัญชากลับไปเ

'ดร.วิโรจน์' โต้เดือด 'หมอเดชา' การโฆษณาชวนเชื่อ คุณสมบัติการรักษาโรคของกัญชา

ดร.วิโรจน์ ณ ระนอง ผู้อำนวยการวิจัยด้านนโยบายสาธารณสุขและการเกษตร ของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เขียนบทความเรื่อง "การโฆษณาชวนเชื่อ/บิดเบือนหรือสื่อสารข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับคุณสมบัติการรักษาโรคของกัญชา"

'หมอไกรสร' แนะ ออก พ.ร.บ.กัญชา ควบคุมการใช้ วอนเห็นใจผู้ป่วย หมอพื้นบ้าน แพทย์แผนไทย

พล.อ.ต.นพ.ไกรสร วรดิถี ผู้ก่อตั้ง “วรดิถีคลินิกเวชกรรมและกัญชาทางการแพทย์” ให้ความเห็นต่อกรณีที่มีความพยายามนำกัญชากลั

"ศุภชัย-ณัฏฐ์ชนน" ยืนยันจุดยืนพรรคภูมิใจไทย ออกกฎหมายควบคุม เพื่อใช้กัญชาทางการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ เรียกร้องทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมทำตามนโยบายรัฐบาล ให้บรรลุผลสำเร็จ

นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ โฆษกพรรคภูมิใจไทย และ นายศุภชัย ใจสมุทร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ร่วมแถลงข่าวถึงจุดยืนของพรรคภูมิใจไทยในเรื่องกัญชากัญชง โดยนายณัฏฐ์ชนน กล่าวว่า จุดยืนของพรรคภูมิใจไทยคือ กัญชาทางการแพทย์ สุขภาพ และการสร้างมูลค่าเศรษฐกิจ