ประกาศ! อนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ


11 ก.พ. 2566 -​ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงแรงงานเรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564 (ฉบับที่ 4)

ตามที่ได้ออกประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาการทำงานของคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมานั้น เนื่องจากประเทศต้นทางไม่สามารถออกหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางให้คนต่างด้าวได้ทัน

ดังนั้นเพื่อให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นการป้องกันไม่ให้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานภายในประเทศทวีความรุนแรงมากขึ้น จึงจำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมประกาศดังกล่าว

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 6 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และมาตรา 14 และมาตรา 63/2 แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ให้ยกเลิกความใน (1) ของข้อ 8 แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่องการอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564 (ฉบับที่ 3) และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

“(1) ขอตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว หรือขอตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป ที่กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด หรือสถานที่อื่นที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกำหนด และเมื่อคนต่างด้าวดำเนินการดังกล่าวแล้ว ให้นายจ้างยื่นหลักฐานการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อนายทะเบียนด้วย”

ข้อ 2 ให้ยกเลิกความใน (2) ของข้อ 14 แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่องการอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาวและเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

“(๒) การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวเป็นอันสิ้นสุดลงตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564 และที่แก้ไขเพิ่มเติม”

ข้อ 3 ให้คนต่างด้าวซึ่งได้ยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามประกาศกระทรวงแรงงานเรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 และที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว แต่ยังมิได้รับการตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ตามข้อ 6 แห่งประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564และที่แก้ไขเพิ่มเติม สามารถขอตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวได้ ภายในวันที่ 15พฤษภาคม 2566

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566
สุชาติ ชมกลิ่น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

140D032S0000000001000

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"พิพัฒน์” ลุยเพื่อแรงงาน ถกประกันสังคมเอสโตเนีย ยกระดับบริการให้สิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นางมารศรี ใจรังษี

อย่าหลงเชื่อ! มิจฉาชีพใช้โซเชียลหลอกไปทำงานฟาร์มออสเตรเลีย

รัฐบาลเตือนภัยอย่าหลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพใช้โซเชียลหลอกทำงานฟาร์มออสเตรเลีย ย้ำรัฐบาลออสเตรเลีย ยังไม่มีความร่วมมือกับไทยด้านการส่งแรงงานและยังไม่มีนโยบายการออกวีซ่าเกษตรให้กับคนไทย

"พิพัฒน์“ รุก! เพื่อแรงงาน เพิ่มรายได้กองทุนฯ พบบริษัทจัดการสินทรัพย์สวีเดน กางแผนผลตอบแทนระยะยาวเฉลี่ย 8 -10% ต่อปี เพื่อกองทุนยืน

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นางมารศรี ใจรังษี