'บิ๊กตู่' พร้อมสนับสนุนแรงงานไทยที่ถือวีซ่าE-7 ทำงานอู่ต่อเรือแดนกิมจิถูกกฎหมาย

โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ยินดีสนับสนุนแรงงานไทย ถือวีซ่า E-7 ทำงานอู่ต่อเรือเกาหลีใต้อย่างถูกกฎหมาย ชี้เป็นโอกาสที่ดีของแรงงานไทย

08 ก.พ.2565 - นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบผลการเจรจาจากกระทรวงแรงงานกับสมาคม KHOSHIPA สมาคมอู่ต่อเรือของสาธารณรัฐเกาหลี และบริษัท HNH Hyundai Heavy Industries เรื่องการส่งแรงงานไทยไปทำงานด้วยวีซ่า E-7 (วีซ่าทักษะฝีมือ) ตามนโยบายขยายตลาดแรงงานในต่างประเทศ

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า บริษัทจัดหางานยื่นขออนุญาตกับกรมการจัดหางานมาแล้ว 1,275 อัตรา แบ่งเป็น สาขาช่างเชื่อม 970 อัตรา ช่างสีพ่นทราย 205 อัตรา และช่างไฟฟ้า 100 อัตรา ซึ่งมีการจัดส่งแรงงานไปแล้ว 65 คน และวันที่ 19 มกราคม 2566 จัดส่งแรงงานสาขาช่างเชื่อมไป 49 คน รวมเป็น 114 คน โดยเป็นการจัดส่งในลักษณะบริษัทจัดหางาน ทั้งนี้ แรงงานไทยทั้ง 49 คน ที่จะเดินทางไปทำงานเป็นช่างเชื่อม ในอุตสาหกรรมอู่ต่อเรือที่เกาหลีใต้ ทั้งหมดได้ผ่านการอบรมคนหางาน ณ ศูนย์อบรมคนหางานก่อนไปทำงานต่างประเทศ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน

ทั้งนี้ ผู้รับการฝึกอบรม จะได้ทราบวิธีการเตรียมความพร้อมด้านบุคลิกภาพในการทำงาน ข้อปฏิบัติขณะเดินทาง การอยู่ร่วมกับนายจ้างและเพื่อนร่วมงานในต่างประเทศ ความรู้เกี่ยวกับงาน สัญญาจ้างงาน สถาพการจ้างงาน การปฏิบัติตนเพื่อความปลอดภัยในการทำงาน การบริหารจัดการรายรับ รายจ่าย รวมไปถึงวัฒนธรรมประเพณี และกฎหมายของประเทศที่จะไปทำงาน ซึ่งการอบรมนี้เป็นหนึ่งในขั้นตอนที่แรงงานไทยทุกคนที่ประสงค์จะเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศอย่างถูกกฎหมายต้องเข้าร่วม

นอกจากนี้ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเดินทางไปทำงานที่เกาหลีใต้ในภาคอุตสาหกรรมอู่ต่อเรือ เป็นโอกาสที่ดีของแรงงานไทย เนื่องจากเกาหลีใต้กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เป็นเหตุให้ขาดแคลนแรงงาน จึงจำเป็นต้องนำแรงงานต่างชาติที่มีทักษะฝีมือเข้ามาทำงานเป็นจำนวนมากและพร้อมจ่ายค่าตอบแทนและค่าล่วงเวลาในอัตราสูง

“นายกฯ ยินดีสนับสนุนแรงงานไทยให้มีโอกาสไปทำงานหารายได้ที่ต่างประเทศ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานและครอบครัว พัฒนาทักษะ และประสบการณ์ ที่จะสามารถนำมาพัฒนาศักยภาพของตนเอง และของประเทศไทย ตามนโยบายขยายตลาดแรงงานในต่างประเทศ เพื่อสร้างโอกาสการมีงานทำ มีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดี โดยพร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือ ดูแลความเป็นอยู่ของแรงงานด้วย” นายอนุชากล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"พิพัฒน์" จับมือ ธอส. ปล่อยสินเชื่อซื้อบ้าน ดอกเบี้ยต่ำ 1.59% ต่อปี วงเงิน 10,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสิทธิประกันสังคม ให้ผู้ประกันตนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง

วันที่ 26 กันยายน 2567 เวลา 13.30 น. นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

"พิพัฒน์" ระดมทีมช่างฝีมือแรงงาน ทั่วภาคเหนือ ซ่อมฟรี! ระบบใช้ไฟฟ้าในบ้าน มอเตอร์ไซค์ อุปกรณ์ประกอบอาชีพ ช่วยบรรเทาผู้ประสบอุทกภัยเชียงราย

วันที่ 25 กันยายน 2567 เวลา 10.30น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ในวันนี้ผม พร้อมด้วยนางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน และนางบังอร มะลิดิน

1 หมื่น อัตรา ! "พิพัฒน์ - สุรศักดิ์" จับมือ นำ นักเรียน นักศึกษา ทำงานช่วงปิดภาคเรียน MOU 22 ธุรกิจเอกชน สร้างรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส ตั้งแต่วัยเรียน

วันที่ 19 กันยายน 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

พิพัฒน์ เรียกร้องนายจ้าง เห็นใจลูกจ้าง ขึ้นค่าแรง 400 บาท วอนเข้าร่วมประชุมไตรภาคี พรุ่งนี้ 13.30 น. แย้ม ก.คลัง เห็นด้วยมาตรการบรรเทาผลกระทบนายจ้าง

วันที่ 19 กันยายน 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการขึ้นค่าแรง 400 บาทว่า ในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ย.67) เวลา 13.30

บุญสงค์ เลขาธิการ สปส. เยือนเมืองหมอแคน เปิดงานประชุมวิชาการเสวนา “การขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน” (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดงานประชุมวิชาการเสวนา “การขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย