นายกฯชมทุกฝ่าย ผลักดันนวัตกรรมพลังงาน สอดรับสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

โฆษกรัฐบาลเผยนายกฯ ชื่นชมความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่ผลักดันนวัตกรรมด้านพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ช่วยกันแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

23 ม.ค.2566-นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยินดีที่ภาคเอกชนไทยและภาคประชาสังคมร่วมมือกันคิดค้นแนวทางหามาตรการลดการใช้คาร์บอน พัฒนานวัตกรรมด้านพลังงานจากเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ด้วยความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นประเด็นปัญหาทั่วโลก รัฐบาลไทยให้ความสำคัญพิจารณาหาแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาและป้องกัน ซึ่งในปัจจุบันมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนคิดค้นแนวทางเพื่อร่วมแก้ไขปัญหา หนึ่งในฝีมือผู้ประกอบการไทยซึ่งคือความร่วมมือของบริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด บริษัท อีโนวา อินทิเกรชั่น จำกัด และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ใช้นวัตกรรมเพื่อลดการใช้คาร์บอน คือการพัฒนาหม้อแปลงไฟฟ้าจาก Submersible Transformer Low Carbon ที่ใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ ซึ่งได้ติดตั้งนำร่องในพื้นที่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงในบริเวณสยามสแควร์ ด้วยแล้ว โดยนวัตกรรมหม้อแปลงไฟฟ้านี้ ได้รับรางวัลจากหน่วยงาน ได้แก่ จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน รางวัลกระทรวงพลังงาน Energy Award รางวัลนวัตกรรมสินค้าสนับสนุนส่งเสริมสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ NIA, สินค้า มอก. 384 และใบประกาศเกียรติคุณโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.หรือ TGO )

นอกจากรางวัลที่การันตีความสำเร็จแล้ว รัฐบาลชื่นชมความคิดริเริ่ม นับเป็นนวันตกรรมที่เกิดจากความพยายามร่วมมือกันของภาคเอกชนและภาคประชาสังคมที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเดินหน้าสร้างพันธมิตร และร่วมมือกับทุกภาคส่วนขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรมด้านพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

“นายกรัฐมนตรีชื่นชมความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด รวมถึงคิดค้นนวัตกรรมที่จะช่วยลดคาร์บอน ตามเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2065 โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่า ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นความท้าทายสำคัญ ที่ไม่เพียงแต่องค์กรภาครัฐที่ต้องดำเนินการแก้ไข แต่เป็นปัญหาของทุกคนในโลก ที่ต้องร่วมมือกัน ความพยายาม ความตระหนักรู้ และริเริ่มของทุกหน่วยงานทั้งเอกชน และประชาสังคมล้วนมีความหมาย เพื่อโลก และคนรุ่นต่อไป”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ อิ๊งค์ฝากติดตามแถลง 12 ธ.ค.ผลงานรัฐบาล 90 วัน

นายกฯอิ๊งค์ ลั่นรัฐบาล มุ่งสร้างโอกาสจับต้องได้ให้ประชาชน ปากท้องอิ่ม ดึงศักยภาพคนไทย ลั่นปรับสมดุลการค้าสหรัฐ-จีน ย้ำ รบ.อยู่ครบเทอม ฝากติดตามแถลงผลงานรัฐบาล 12 ธ.ค.นี้

เปิดโปรแกรมทัวร์ 'ครม.สัญจรอิ๊งค์' นัดแรกที่เมืองเหนือ

เปิดโปรแกรม 'ครม.สัญจรอิ๊งค์' นัดแรก จัดที่แม่ริม เชียงใหม่ 29 พ.ย. ก่อนถก 'คลังสัญจร' เชียงราย ฟื้นฟูพื้นที่เศรษฐกิจ พร้อมพบประชาชน

'ธนกร' ชี้หลัง 22 พ.ย.ประเทศก็ยังเดินหน้าต่อ!

'ธนกร' มองทุกคดีศาล รธน.ยึดตามหลักกฎหมาย เชื่อการเมืองหลัง 22 พ.ย.นี้ประเทศต้องเดินหน้าต่อ ขอทุกฝ่ายอย่าคาดเดาจนอาจก้าวล่วงอำนาจ ฝากรัฐบาลเร่งทำผลงาน