ชี้ปม 'ตู้ห่าว- เรือจม- ฮั้วประมูลรถไฟฟ้า' โกงฝังรากระบบราชการ-การเมืองไทย

แฟ้มภาพ

นักวิชาการ ชี้เป้า 3 ปม ตู้ห่าว –เรือหลวงสุโขทัยล่ม – ฮั้วประมูลรถไฟฟ้า คอร์รัปชั่นฝังรากระบบราชการ – การเมือง แนะทางออก ใช้หลักเศรษฐศาสตร์สาธารณะว่าด้วยการแก้ไขปัญหา

1 ม.ค.2566 – รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ นักเศรษฐศาสตร์ และ อดีตอนุกรรมการพัฒนาระบบราชการเกี่ยวกับการส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร) กล่าวว่า กรณีการทุจริตคอร์รัปชันซื้อขายตำแหน่งและการโกงเงินงบประมาณที่กรมอุทยานก็ดี กรณีตู่ห้าวก็ดี กรณีฮั้วประมูลโครงการรถไฟฟ้าและการเอื้อเอกชนในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานก็ดี กรณีเรือรบหลวงสุโขทัยจมทะเลก็ดี ล้วนสะท้อนปัญหาทุจริตคอร์รัปชนที่หยั่งรากลึกในสังคมระบบราชการและระบบการเมืองรวมทั้งความด้อยประสิทธิภาพ สะท้อนความสูญเปล่าและความเสียหายของเงินภาษีประชาชนจำนวนมาก สะท้อนการกดทับเอาเปรียบข้าราชการชั้นผู้น้อยและระดับกลางอย่างรุนแรง การไม่ใส่ใจต่อความปลอดภัยในชีวิตของทหารระดับปฏิบัติการ สะท้อนการขาดจิตสำนึกสาธารณะอย่างหนักหนาสาหัส

ดร. อนุสรณ์ กล่าวอีกว่า เราไม่สามารถมองปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันว่าเป็นผลมาจากการขาดจริยธรรม การขาดจิตสำนึกรับผิดชอบและการเห็นแก่ตัวอย่างรุนแรงเท่านั้น ในทางเศรษฐศาสตร์แล้ว มองว่า มนุษย์ทุกคนมีผลประโยชน์ส่วนตนทั้งสิ้น มีกิเลส มีแรงจูงใจและมีโอกาสที่จะทำชั่วได้ ผู้ที่มีแรงต้านทานต่อความโลภต่ำ ก็มีแนวโน้มจะทำทุจริตคอร์รัปชันได้มากกว่าคนที่มีแรงต้านทานสูง แต่ไม่ได้หมายความว่า คนมีแรงต้านทานต่อความโลภสูงจะไม่ทำผิด การปฏิรูประบบค่าจ้างค่าตอบแทนให้กับข้าราชการมีความจำเป็นต่อการลดแรงจูงใจในการคอร์รัปชัน

“ การลดอำนาจเจ้าหน้าที่ของรัฐและผ่อนคลายกฎระเบียบที่ไม่จำเป็นจะช่วยลดปัญหาการติดสินบนคอร์รัปชันได้ระดับหนึ่ง ประชาชนอาจมีแรงจูงใจร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของรัฐหาประโยชน์จากโครงการประกันราคาพืชผลเกษตร หรือ โครงการสวัสดิการก็ได้ ฉะนั้นต้องลดแรงจูงใจพวกนี้ด้วย นอกจากนี้ ต้องทำกระบวนการยุติธรรมเข้มแข็งไม่เลือกปฏิบัติ ทุกคนเสมอภาคกันภายใต้กฎหมาย ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ส่งเสริมวัฒนธรรมที่ไม่ยอมรับความร่ำรวยจากการทุจริต” รศ.ดร.อนุสรณ์ ระบุ  

รศ. ดร. อนุสรณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการแก้ไขหรือลดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันด้วยหลักเศรษฐศาสตร์สาธารณะนั้นมีดังต่อไปนี้  ประการแรก ต้องกระจายอำนาจการปกครองไปสู่ท้องถิ่น ชุมชนให้มากที่สุด และทำให้กระบวนการเข้าสู่อำนาจทางการเมืองทั้งในระดับชาติ ระดับท้องถิ่นใช้เงินน้อยลง ใช้ความรู้ความสามารถ ใช้นโยบายมากขึ้น ทำให้การเลื่อนชั้นเลื่อนตำแหน่งในระบบราชการใช้ระบบคุณธรรม

ประการที่สอง ผ่อนคลายกฎระเบียบและยกเลิกกฎเกณฑ์ที่ไม่จำเป็นอันอาศัยการใช้อำนาจดุลพินิจเจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับต่างๆ ลดขั้นตอนต่างๆในระบบราชาการในการให้บริการประชาชนและภาคธุรกิจ ทำให้ระบบราชการต้องเปิดเผยข้อมูลต่อประชาชน เป็น Open Government และทำให้ประชาชนและสื่อมวลชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ 

ประการที่สาม เปิดเสรีทางเศรษฐกิจ ทั้งการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ ลดภาษีศุลกากรทำให้ สินค้าและบริการเคลื่อนย้ายได้อย่างเสรี

ประการที่สี่ ปฏิรูประบบการประเมินผลของระบบราชการทั้งหมดให้น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะระบบประเมินของ กพ กพร สคร และ ปปช ให้มีประสิทธิภาพและคุณภาพสูงขึ้น ไม่ให้เกิดกรณีอย่างกรมอุทยานแห่งชาติ ได้คะแนนป้องกันทุจริตเต็ม 100 และได้ ผลประเมินดัชนีการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินกิจการภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment – ITA) ระดับ A ติดต่อกันเป็นเวลา 4 ปี ทั้งที่มีปัญหาทุจริตซื้อขายตำแหน่งและโกงงบประมาณแผ่นดิน  

ประการที่ห้า ส่งเสริมเสรีภาพในการรวมกลุ่มของประชาชน คุ้มครองสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน ส่งเสริมการรวมกลุ่มของผู้ใช้แรงงานเพื่อให้เกิดประชาธิปไตยในสถานประกอบการผ่านการรับรองอนุสัญญาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ ILO 87 และ 98

ประการที่หก พัฒนาระบบราชการ และ ข้าราชการให้มีคุณภาพและคุณธรรม พร้อมปฏิรูประบบค่าตอบแทนให้เหมาะสมต่อการดำรงชีพ และ ลดการจ้างงานแบบเหมาช่วงและพนักงานรายปีในระบบราชการ

ประการที่เจ็ด ปฏิรูปสถาบันองค์ป้องกันการทุจริตให้มีความเป็นกลางและเป็นอิสระ และควรมีที่มาจากประชาชน

ประการที่แปด ผู้นำทางการเมือง ผู้บริหารในระดับกระทรวง ระดับกรมและระดับหน่วยงาน ต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่างในด้านความซื่อตรงและโปร่งใส.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เด็กชวน' สวนกลับ 'ทักษิณ' อยากสารพัด แต่ผวาอยู่ 2 เรื่อง

'ราเมศ' ยัน 'ชวน' ต่อสู้สิ่งไม่ถูกต้อง ยึดหลักสุจริตมาโดยตลอด ปัดแค้นส่วนตัวกับ 'ทักษิณ' สวนกลับคงไม่อยากหนีไปต่างประเทศซ้ำอีก

'ทักษิณ' ฟังทางนี้! ลืมหรือเปล่า 4.7 หมื่นล้าน รวยเพราะอะไร

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ *คุณ(มึง) รวยจริง" โดยระบุว่า ระยะหลังคุณทักษิณ ชินวัตร ปราศรัยดุเดือด ทั้งหมา ทั้งควาย พรั่งพรูออกมาจากปากคุณทักษิณเป็นฝูงๆ