20 พ.ย. 2564 - นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลสำเร็จของการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลรุ่น “ออมไปด้วยกัน” ในวงเงิน 10,000 ล้านบาท ผ่านวอลเล็ต สบม. บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เข้าถึงผู้ลงทุนจากทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย อายุตั้งแต่ 15-90ปี ขายหมดภายใน 12 นาทีหลังเริ่มเปิดขาย โดยมีจำนวนผู้ลงทุนในเขตกทม 33.5% และต่างจังหวัด 66.5% ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะเปิดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัยพ์รุ่น “ออมไปด้วยกัน” รอบใหม่ วงเงินรวม 70,000 ล้านบาท ในวันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน นี้ เวลา 8:00 เป็นต้นไป ผ่าน 4 ธนาคารตัวแทน ได้แก่ ธนาคารกรุงไทยฯ ธนาคารกรุงเทพฯ ธนาคารกสิกรไทยฯ และธนาคารไทยพาณิชย์ โดยแบ่งเป็น 3 รุ่นอายุ ได้แก่ รุ่นอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได ปีที่ 1 ร้อยละ 1.50 ต่อปี ปีที่ 2-4 ร้อยละ 2.00 ต่อปี ปีที่ 5 ร้อยละ 2.10 ต่อไป (เฉลี่ยร้อยละ 2.10 ต่อปี) รุ่นอายุ 10 ปี (อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได ปีที่ 1 ร้อยละ 2.00. ต่อปี ปีที่ 4-5 ร้อยละ 3.00 ต่อปี ปีที่ 6-9 ร้อยละ 3.50 ต่อปี ปีที่ 10 ร้อยละ 4.00 ต่อปี (เฉลี่ยร้อยละ 3.00 ต่อปี) รุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ ร้อยละ 2.20 ต่อปี
รองโฆษกฯกล่าวว่า สำหรับการลงทุน เริ่มต้นตั้งแต่ 1,000 บาท – ไม่จำกัดวงเงินซื้อขั้นสูง ซึ่งจะเปิดจำหน่ายให้กับบุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทย หรือมีถิ่นที่อยู่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2564 ในวงเงิน 55,000 ล้านบาท ผ่านระบบวอลเล็ต สบม. บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง และเคาน์เตอร์ของธนาคารตัวแทนทุกสาขา ประกอบด้วยพันธบัตรรุ่นอายุ 5 ปี และรุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยขั้นบันได ซึ่งจะมีการจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เริ่มงวดแรกวันที่ 15 ของเดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปี จนกว่าพันธบัตรจะครบกําหนดไถ่ถอน สำหรับนิติบุคคลไม่แสวงหากำไรตามที่กระทรวงการคลังกำหนด อาทิ มูลนิธิ สมาคม วัด สถานศึกษาของรัฐ โรงพยาบาลของรัฐ สามารถซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2564 วงเงินรวม 15,000 ล้านบาท พันธบัตรรุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน จำหน่ายผ่านช่องทางเคาน์เตอร์ของธนาคารตัวแทนจำหน่ายทั้ง 4 แห่ง ผู้สนใจดูรายละเอียดได้ที่ www.krungthai.com หรือ Krungthai Contact Center โทร 02-111-1111
“กระทรวงการคลังมีแผนการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์อย่างต่อเนื่องทุกปี เพื่อเป็นทางเลือกในการออมของประชาชน และยังเป็นการลงทุนที่ดีในช่วงที่เศรษฐกิจผันผวน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ต้องการส่งเสริมให้ประชาชนทุกช่วงวัย ทุกพื้นที่เข้าถึงการลงทุนและธุรกรรมการเงินออนไลน์ที่สะดวกและปลอดภัย ส่งเสริมให้ประชาชนคนไทยเรียนรู้ทักษะการลงทุน และมีวินัยในการออม ช่วยสนับสนุนพัฒนาเศรษฐกิจให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำและลดภาระต่องบประมาณในอนาคต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “การพลิกโฉมภาคการเงินและการลงทุนประเทศไทย” นางสาวรัชดา กล่าว.