เครือข่ายประชาชน บุกทำเนียบ 22 พฤศจิกายน ขีดเส้นหยุดผลักกัญชากลับเข้า “ยาเสพติด” เตือนเดินซ้ำรอยตลาดน้ำเมา ผลประโยชน์อยู่ในมือนายทุนหยิบมือ
20 พ.ย.2565 – นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล แกนนำกลุ่ม เครือข่ายประชาชนเพื่อการมีกฎหมายควบคุมกัญชาในประเทศไทย ไลฟ์สด ผ่านเพจ เขียนอนาคตกัญชาไทย โดยระบุถึงเหตุผลและความจำเป็นของการจัดหมายชุมนุม ที่จะมีขึ้นในอังคารที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า เพื่อไปติดตามการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ทั้งนี้ รองนายกฯ วิษณุ เครืองาม จะต้องไม่นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ในทางตรงกันข้ามต้องเร่งผลักดันให้ พ.ร.บ.กัญชาฯบังคับใช้
นายประสิทธิ์ชัย กล่าวว่า ปัจจุบันในสังคมมีความเห็นต่างกันในเรื่องของกัญชา ทั้งภาคการเมือง หมอ สาธารณสุข และองค์กรต่าง ๆ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งการพูดในท่วงทำนองเหล่านั้น ก่อ ให้เกิดความสับสนทางสังคม เนื่องจากกระบวนการส่งสารของแต่ละองค์กร ดูเหมือนจะแตกต่างกัน เหมือนสร้างดาวกันคนละดวง โดยไม่ก่อประโยชน์อะไรในเชิงระบบ ประเทศนี้จะไปต่ออย่างไร
“ทั้งที่ในความจริงแล้ว เรื่องของ พ.ร.บ.กัญชา ควรดำเนินการให้เป็นไปตามระบบ ตามที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เห็นชอบ ในวาระที่ 1 จากนั้นได้มอบหมายให้ กรรมาธิการทั้ง 25 คน ซึ่งมาจากพรรคการเมืองต่าง ๆ ได้ร่วมกันเขียนกฎหมาย ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ขึ้นมา ซึ่งเมื่อร่างเสร็จแล้วก็ต้องส่งกลับไปให้สภาผู้แทนพิจารณาว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร แต่เมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมาได้เสนอเข้าไป แต่สภาฯ กลับไม่รับพิจารณา” นายประสิทธิ์ชัย กล่าว
นายประสิทธิ์ชัย กล่าวว่า ถามว่าทำไมบ้านเรา กลุ่มผู้คัดค้านที่มาจากหลากหลายอาชีพ ถึงอยากล้ม พ.ร.บ.กัญชา ก็เพราะมันมีกระบวนการที่ต้องการไปสู่การรีเซ็ตใหม่ เรื่องกัญชากระบวนการที่จะทำให้ผิดกฎหมายและกระบวนการเหล่านั้นจะทำไปสู่การรีเซ็ตใหม่ และพรรคการเมืองก็จะเลือกพูดในสิ่งที่หาแสงให้ตัวเองเจิดจรัส เหมือนสร้างดาวคนละดวง ทั้งที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อใครเลย เราทำแบบนั้นเพื่ออะไร ทั้งที่เป็นผู้ใหญ่กันทั้งนั้น ทั้งกลุ่ม แพทย์ แพทยสภา ชมรมแพทย์ชนบท และองค์กรต่าง ๆ การสร้างดาวคนละดวงไม่ผิด แต่ที่เป็นปัญหาคือ ดาวที่สร้างกันอยู่อยากจะเป็นอิสระ ไม่ขึ้นกับใคร คำถามคือ เวลาดาวอยู่เป็นอิสระ มันเป็นประโยชน์อย่างไร การจะเป็นประโยชน์ ต้องสร้างวงโคจรร่วมกัน เพื่อให้อยู่ในระบบเดียวกัน สิ่งที่อยากสื่อสารถึง ทุกท่าน การมีกฎหมาย ที่จะทำหน้าที่ให้ดาวโคจรอยู่ในระบบเดียวกัน ถ้าท่านกลัวเรื่องอะไร ก็จัดการด้วยกฎหมาย อยากให้กัญชาแต่งตัวแบบไหน ก็ให้เป็นไปตามกฎหมายนั้น ชูดาวคนละดวง มีแต่ความแตกแยก กติกาเกิดไม่ได้
“เราต้องไม่ลืมว่า กัญชามีมูลค่าทางเศรษฐกิจมาก ต่างคนต่างช่วงชิง เหมือนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มีมูลค่าหลายแสนล้านบาท กัญชาก็เช่นเดียวกัน แสนล้านบาทที่อยู่ในมือคนไม่กี่ตระกูลของตลาดน้ำเมา กัญชาก็กำลังเดินไปสู่ พล็อตเดียวกับ คนในรัฐบาลกำลังดีไซน์ให้เป็นแบบนั้น ความกลัวเป็นสิ่งดี ที่จะทำให้เรามีสติเพื่อหาวิธีป้องกัน แต่ถ้ากลัวแบบวิตกและเตลิดมากไปโดยไม่ศึกษาข้อเท็จจริงไม่ถูกต้องเราจะเสียประโยชน์มหาศาล” นายประสิทธิ์ชัย กล่าว
นายประสิทธิ์ชัย กล่าวด้วยว่า มีงานวิจัยมากมายในสหรัฐอเมริกา และอังกฤษที่ระบุถึงสรรพคุณในทางยามากมาย และใช้ต่อเนื่องกันมาอย่างยาวนาน มีผลการวิจัยระบุชัดเจนว่า นับแต่มีการใช้กัญชาอย่างถูกกฎหมาย ทำให้การสั่งยาแผนปัจจุบันลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ นี่คือเหตุผลสำคัญที่บริษัทยาไม่ชอบ นอกจากนี้รายได้จากกัญชา ในปี 2562 มากถึง 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดกว่าในปี 2568 จะมีมูลค่าสูงถึง 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาร 2 ล้านล้านบาท และยังก่อให้เกิดจากจ้างงานสูงขึ้นนับแสนคนในปี 2564 ทั้งที่เป็นช่วงสถานการณ์โควิด รัฐบาลท่านก็น่าจะรู้ถึงข้อเท็จจริงตรงนี้ ท่านร่ำรวยกันมากมายแล้ว จะละโมบกันไปถึงไหน ปล่อยให้ประชาชนบ้าง วันนี้มันต้องพูดกันด้วยข้อมูลข้อเท็จจริง
“เราต้องการกฎหมายมาควบคุมกัญชา เพราะในรัฐสภา ฝ่ายบริหาร พยายามปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงกัญชา และให้คนบางกลุ่มเท่านั้นที่เข้าถึงได้ และประชาชนที่ลงทะเบียนเพื่อปลูกกัญชา 15 ต้น กว่า 1 ล้านคน จะทำอย่างไร ถ้าจะเป็นหลักประกันว่าประชาชนเข้าได้ ก็ต้องผ่านกฎหมาย ให้เป็นกติกา อะไรที่มันอยู่บนโต๊ะมันแก้ง่าย อย่าเอาไปอยู่ใต้โต๊ะให้มันดูผิดเลย อย่าดูถูกประชาชนว่าเขาไร้ความสามารถ ไร้วิจารณญานเลย และประชาชนที่จะร่วมคัดค้านกับเรา เชิญชวนวันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่เวลา 12.30 น. เป็นต้นไป ” นายประสิทธิ์ชัย กล่าว.