สปสช.ออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขแก่บริการผ่าตัดข้อเข่าเทียมและการดูแลแบบผู้ป่วยในที่บ้าน สนับสนุนการดูแลรักษาผู้ป่วยให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
16 พ.ย.2565 - น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้มีการพัฒนาด้านต่างๆ เพื่อให้กองทุนหลักประกันสุขภาพสามารถดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง ล่าสุด สปสช.ได้ออกประกาศ 2 ฉบับเพื่อให้การจ่ายเงินกองทุน สปสช. เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดูแลรักษาพยาบาลประชาชนอย่างครอบคลุมมากขึ้น โดยทั้ง 2 ฉบับประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 14 พ.ย.2565
ฉบับแรก ประกาศ สปสช. เรื่อง การจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข กรณีบริการผ่าตัดข้อเขาเทียม พ.ศ.2565 มีผลบังคับนับแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป โดยสาระสำคัญได้กำหนดให้การบริการผ่าตัดข้อเข่าเทียม เป็นรายการค่าใช้จ่ายที่หน่วยงานการเบิกค่าใช้จ่ายจากกองทุน สปสช. ได้ เมื่อผู้มีสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเข้ารับบริการ
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ตามประกาศได้กำหนดหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายไว้ อาทิ ต้องเป็นการให้บริการแก่ผู้มีคุณสมบัติตามที่กำหนดและไม่มีลักษณะต้องห้าม ต้องเข้ารับบริการกับหน่วยบริการรับส่งต่อที่มีศักยภาพตามกำหนด และการเข้ารับผ่าตัดของผู้ป่วยที่อายุน้อยกว่า 55 ปี ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าข้อเข่าเสื่อมปฐมภูมิหรือข้อเข่าเสื่อมไม่ทราบสาเหตุ ต้องดำเนินการขออนุมัติก่อนการผ่าตัดตามขั้นตอนที่กำหนด รวมถึงกำหนดรายการค่าใช้และอัตราการจ่าย กรณีบริการในเขต บริการนอกเขต ตลอดจนค่าใช้จ่ายกรณีอุปกรณ์อวัยวะเทียม ที่จะจ่ายตามค่าใช้จ่ายจริงแต่ไม่เกินอัตราตามประกาศ สปสช. ว่าด้วยรายการอุปกรณ์ อวัยวะเทียมและข้อบ่งชี้ในการบำบัดรักษาโรค
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ฉบับที่ 2 เป็นประกาศ สปสช. เรื่อง การจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข กรณีการดูแลแบบผู้ป่วยในที่บ้าน พ.ศ. 2565 มีผลบังคับย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. 65 เป็นต้นมา โดยตามประกาศได้กำหนดบทนิยาม "การดูแลแบบผู้ป่วยในที่บ้าน" หมายความว่า การให้บริการสาธารณสุขแก่ผู้ป่วยในของหน่วยบริการ ณ สถานที่พำนักของผู้ป่วย โดยมีมาตรฐานการดูแลตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ซึ่งหากหน่วยบริการดำเนินการครบถ้วนตามมาตรฐาน ก็สามารถเบิกค่าใช้จ่ายจาก สปสช. ตามเกณฑ์และอัตราที่กำหนดได้
ทั้งนี้ ประกาศได้กำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายค่าใช้จ่ายแก่หน่วยบริการที่ให้บริการดูแลผู้ป่วยในที่บ้าน ได้แก่ ต้องเป็นการให้บริการแก่ผู้มีสิทธิตามกฎหมายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นหน่วยบริการภาครัฐที่สามารถให้บริการผู้ป่วยในและผ่านเกณฑ์ประเมินศักยภาพการดูแลผู้ป่วยในที่บ้านตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด และต้องเป็นการให้บริการแก่ผู้ป่วยในตามกลุ่มโรค ได้แก่ โรคเบาหวานที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง โรคแผลกดทับและพื้นที่กดทับ โรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ โรคปอดอักเสบ โรคไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลันภายหลังได้รับการผ่าตัด โรคโควิด19 โดยทั้งหมดจะต้องมีอาการ หรือข้อบ่งชี้ตามที่กำหนด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แจ้งเตือน 7 จังหวัดใต้ระวัง 25-28 ธ.ค. น้ำท่วมฉับพลัน
รัฐบาลแจ้งเตือน 7 จังหวัดภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่ม ช่วงวันที่ 25 - 28 ธ.ค. 68
รัฐบาลตั้งเป้าลดอัตราการคลอดในวัยรุ่น 10-19 ปี
รัฐบาลเดินหน้าเร่งแก้ปัญหาท้องในวัยรุ่น ป้องกันวัยรุ่นหลุดจากระบบการศึกษา ผ่าน Thailand Zero Dropout ตั้งเป้าลดอัตราการคลอดในวัยรุ่นอายุ 10-19 ปี
โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งผู้ช่วยผู้พิพากษาให้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาประจำศาล 66 ราย
ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการตุลาการ
รัฐบาลปลื้ม 'กทม.' คว้าแชมป์เมืองคนเที่ยวมากสุดในโลก สั่งพร้อมรับช่วงปีใหม่
รัฐบาลปลื้ม 'กรุงเทพมหานคร' คว้าอันดับ 1 เมืองที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนมากที่สุด ประจำปี 68 สั่งหน่วยงานเกี่ยวข้องเตรียมพร้อมรองรับเที่ยวบินเพิ่มขึ้นช่วงเทศกาลปีใหม่
อึ้ง! 11 เดือนจับสินค้าละเมิดสิขสิทธิ์กว่า 3 ล้านชิ้นมูลค่ากว่าพันล้าน
รัฐบาลเผยสถิติจับกุมสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาช่วง 11 เดือน ปี 68 ยึดของกลาง กว่า 3 ล้านชิ้น มูลค่าความเสียหายกว่าพันล้านบาท เดินหน้ายกระดับจัดการสินค้าละเมิดบนแพลตฟอร์มออนไลน์
รบ.ตีปี๊บ 11 เดือนปี 2568 ธุรกิจใหม่จดทะเบียนกว่า 8 หมื่นราย
รองโฆษกรัฐบาล เผยธุรกิจใหม่ยังเดินหน้า! 11 เดือน ปี 2568 จดทะเบียนบริษัทกว่า 80,000 ราย สะท้อนความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย

