จับตา 'ก.อ.' ถกประเด็นร้อน! ปมตั้ง 'ปรเมศวร์' หลังองคมนตรีตีกลับ

จับตา ‘ก.อ.’ ประชุม 17 พ.ย. พิจารณาประเด็นร้อน หลังองคมนตรีตีกลับให้พิจารณาพฤติกรรมทางจริยธรรม ‘อัยการปรเมศวร์’ ก่อนจะเสนอขึ้นผู้ตรวจการอัยการ

15 พ.ย. 2564 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 17 พ.ย.นี้ ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนแจ้งวัฒนะ ทางคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) จะมีการประชุมกันมีวาระพิจารณาหลายประเด็น โดยวาระที่น่าสนใจมีดังนี้

เรื่องเพื่อพิจารณาระเบียบวาระที่ 3 เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการอัยการรายนาม นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ความว่าด้วยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีหนังสือแจ้งว่าตามที่คณะกรรมการอัยการพิจารณาในการประชุมครั้งที่ 7/2564 เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2564 มีมติเห็นควรนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายปรเมศวร์ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการอัยการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2563 เป็นต้นไป จึงขอให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งตามมติ ก.อ. ต่อไป

ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้กราบเรียนนายกรัฐมนตรีทราบแล้ว เห็นชอบให้ดำเนินการต่อไป และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ขอให้สำนักงานองคมนตรีนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาต่อไปแล้ว และได้รับแจ้งจากสำนักงานองคมนตรี ขอให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาและดำเนินการเพิ่มเติมดังนี้

เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงว่าเมื่อปี 2562 นายปรเมศวร์ถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับจราจรหลายข้อหาดังนี้ ความผิดฐานขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจความผิดฐานขับรถในทางซึ่งก่อความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นไม่หยุด และให้ความช่วยเหลือตามสมควรและแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใกล้เคียงทันที และความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย ซึ่งต่อมาพนักงานอัยการสำนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรีได้ยื่นฟ้องนายปรเมศวร์ เฉพาะในฐานความผิดขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นศาลจังหวัดนนทบุรีมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2564 ว่าจำเลยมีความผิดให้จำคุก 1 ปี ปรับ 40,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือนและปรับ 20,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปีและให้คุมความประพฤติไว้ 1 ปี คดีถึงที่สุดแล้ว

เพื่อให้การนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการรายดังกล่าวมีความถูกต้องและเหมาะสมตามมาตรา 38 แห่ง พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ.2553 ที่บัญญัติให้ประธาน ก.อ. เสนอ ก.อ. โดยคำนึงถึงความรู้ความสามารถความรับผิดชอบประวัติการปฏิบัติราชการและพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลนั้น เทียบกับงานในตำแหน่งข้าราชการอัยการที่จะได้รับแต่งตั้งนั้นๆ สำนักงานองคมนตรีจึงขอข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นว่า การขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายปรเมศวร์ ให้ดำรงตำแหน่ง ในขณะที่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและรอการลงโทษประกอบกับปัจจุบันต้องอยู่ระหว่างถูกคุมความประพฤติเป็นเวลา 1 ปี อีกทั้งการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งและแต่งตั้งตำแหน่งสูงขึ้น โดยให้มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2563 ซึ่งอยู่ในช่วงที่คดีได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วนั้น มีความถูกต้องเหมาะสมอย่างไรและเป็นไปตามมาตรา 38 ที่กำหนดให้ ก.อ. พิจารณาพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลนั้นเทียบกับงานในตำแหน่งข้าราชการอัยการที่จะได้รับแต่งตั้งแล้วหรือไม่

อย่างไรก็ตาม สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จึงขอให้สำนักงานอัยการสูงสุดโปรดพิจารณาให้ข้อมูลและความเห็นเพิ่มเติม ในประเด็นตามข้อสังเกตดังกล่าวและแจ้งผลการพิจารณาให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อแจ้งสำนักงานองคมนตรีนำไปเป็นข้อมูลประกอบการนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาต่อไป

โดยเรื่องนี้ สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่าประเด็นที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีสอบถาม ประเด็นที่ 1 การแต่งตั้งให้มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2563 กรณีนายปรเมศวร์ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดในข้อหาขับรถขณะเมาสุราเป็นเหตุให้มีผู้รับอันตรายแก่กายจิตใจและขับรถโดยประมาทอันอาจเกิดอันตรายต่อบุคคลหรือทรัพย์ขับรถเฉี่ยวชนแล้วหลบหนีและกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจเมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2562 เวลาประมาณ 22.30 น. พนักงานสอบสวนส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมผู้ต้องหาไปยังสำนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรีเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2563 ต่อมาเมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2564 พนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรีได้ยื่นฟ้องนายปรเมศวร์ในวันเดียวกันศาลจังหวัดนนทบุรีได้มีคำพิพากษา ว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 43 (2), 160 ตรีวรรคหนึ่ง จำคุก 1 ปี ปรับ 40,000 บาทจํา เลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 6 เดือน ปรับ 20,000 บาท จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนและชดใช้ค่าเสียหายจนเป็นที่พอใจให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปีให้คุมความประพฤติจำเลยไว้ 1 ปีโดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 ครั้งกับให้จำเลยทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรมีกำหนด 24 ชั่วโมง ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์คดีจึงถึงที่สุดในวันที่ 29 พ.ค. 2564

ประเด็นที่ 2 กรณีแต่งตั้งบุคคลที่ต้องโทษคดีอาญาและอยู่ในระหว่างการคุมประพฤติกรณีนี้ศาลจังหวัดนนทบุรีได้มีคำพิพากษา ลงโทษจำคุก 6 เดือนและให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ให้คุมความประพฤติเป็นเวลา 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 ครั้งคดีนี้ถึงที่สุดเมื่อวันที่ 29 พ.ค.2564 นายปรเมศวร์ จะพ้นจากการคุมประพฤติในวันที่ 29 เม.ย. 2565 หากในระหว่างการคุมความประพฤติ นายปรเมศวร์กระทำผิดเงื่อนไขของการคุมประพฤติ ศาลอาจจะพิจารณาเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลกรณีให้รอการลงโทษได้

ประเด็นที่ 3 กรณีมีพระราชกำหนดพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2564 มาตรา 3 “ผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ” หมายความว่านักโทษเด็ดขาดซึ่งเป็นผู้ได้รับการพักการลงโทษตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจำทหารหรือได้รับการลดวันต้องโทษจำคุกตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์ซึ่งมิได้ปฏิบัติผิดเงื่อนไขแห่งการพักการลงโทษหรือการลดวันต้องโทษจำคุกก่อนหรือในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ

มาตรา 4 ผู้ซึ่งจะได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกานี้ ต้องมีตัวอยู่ในความควบคุมของทางราชการหรือถูกกักขังไว้ในสถานที่หรือที่อาศัยที่ศาลหรือทางราชการกำหนดในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับติดต่อกันไปจนถึงวันที่ศาลออกหมายสั่งปล่อยหรือลดโทษหรือนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งปล่อยหรือลดโทษตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกฤษฎีกานี้ เว้นแต่ผู้ทำงานบริการสังคมหรือทำงา สาธารณประโยชน์แทนค่าปรับและได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ

พิจารณาแล้วเห็นว่า พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าวมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2564 และผู้ที่จะได้รับประโยชน์จาก พ.ร.ก.ฉบับนี้จะต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดที่อยู่ภายในเรือนจำหรือตัวต้องอยู่ในความควบคุมของทางราชการหรือถูกกักขังไว้ในสถานที่ของทางราชการ แต่นายปรเมศวร์มิได้อยู่ในเงื่อนไขเหล่านี้จึงไม่ได้รับประโยชน์จาก พ.ร.ก.นี้แต่อย่างใด สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ.2553 มาตรา 38 ดังกล่าวเป็นบทกฎหมายที่ ก.อ. จะต้องพิจารณาในการแต่งตั้งข้าราชการอัยการจึงเสนอ ก.อ. เพื่อโปรดพิจารณามติที่ประชุม

นอกจากนี้วาระที่ 4 ยังมีการพิจารณาเรื่องการพิจารณากลั่นกรองและคัดเลือกข้าราชการอัยการชั้น 7 ตำแหน่งผู้ตรวจการอัยการ เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองอัยการสูงสุดตามที่ ก.อ. ในคราวประชุมครั้งที่ 8/2564 เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2564 ได้มีมติให้กันตำแหน่งรองอัยการสูงสุดไว้ 1 ตำแหน่ง เนื่องจากนายปรเมศวร์ซึ่งได้รับความเห็นชอบจาก ก.อ.ให้เลื่อนขึ้นแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการอัยการ และอยู่ระหว่างเสนอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งและมีมติเสียงส่วนมากเห็นชอบ ให้ปรับเพิ่มกรอบอัตรากำลังข้าราชการอัยการชั้น 7 ตำแหน่งผู้ตรวจการอัยการจำนวน 1 อัตรา ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2564

พิจารณาแล้วในขณะนี้ตำแหน่งรองอัยการสูงสุดยังคงว่างอยู่ 1 ตำแหน่ง แต่เนื่องจากอำนาจหน้าที่ของรองอัยการสูงสุดตามที่อัยการสูงสุดมอบหมายและมอบอำนาจมีเป็นจำนวนมาก เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายต่อราชการ สำนักงานอัยการสูงสุดประกอบกับระยะเวลาในการที่สำนักงานอัยการสูงสุดจะพิจารณาแต่งตั้งได้ล่วงเลยมาพอสมควรแล้ว กรณีมีเหตุจำเป็นที่จะต้องพิจารณาแต่งตั้งรองอัยการสูงสุดในตำแหน่งที่ว่าง จึงเห็นควรพิจารณากลั่นกรองและคัดเลือกผู้ตรวจการอัยการเพื่อเลื่อนตำแหน่งและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้นเป็นรองอัยการสูงสุดดังนี้ โดยมีการเสนอชื่อนายกฤษฎา วิชพันธุ์ ผู้ตรวจการอัยการ เป็นบัญชีเเรก ซึ่งเป็นบัญชีอาวุโส รองจากนายปรเมศวร์ที่สำนักงานอัยการสูงสุด อยู่ระหว่างให้ ก.อ. พิจารณาพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลนั้นเทียบกับงานในตำแหน่งข้าราชการอัยการที่จะได้รับการแต่งตั้งแล้วหรือไม่อย่างไร ในชั้นนี้จึงไม่พิจารณาผลการประเมิน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ก.อ. ไม่รับคำร้อง 'เนตร นาคสุข' ยื่นสอบอัยการสูงสุด สั่งฟ้องคดีช่วย 'บอส อยู่วิทยา'

ที่ห้องประชุมคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ชั้น 8 สำนักงานอียการสูงสุด ถนนเเจ้งวัฒนะ นายเรวัตร จันทร์ประเสริฐ ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) เป็นประธานการประชุม ก.อ.ครั้งที่ 12/2567

อัยการอาวุโส รับเคสนักโทษเทวดา ทำกระบวนการยุติธรรมเสียหายหนัก

อัยการอาวุโส ให้จับตา คดีทักษิณ-112 ลั่นสั่งฟ้อง-ไม่ฟ้อง แจงได้หมด ยอมรับเคสนักโทษเทวดา ทำกระบวนการยุติธรรม เสียหายหนัก

ระเบียบใหม่! ก.อ. เห็นชอบหลักเกณฑ์แต่งตั้งโยกย้ายอัยการล็อตใหญ่

นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ออกสารเเจ้งถึงอัยการทั่วประเทศ ว่าเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมามีการประชุม ก.อ. นัดพิเศษ ที่ประชุมมีมติให้ความเห็นชอบร่างผ่านร่างระเบียบคณะกรรมการอัยการว่าด้วยหลักเกณฑ์การแต่งตั้ง