นายกฯ ปาฐกถาพิเศษงาน Thailand – China Investment Forum ย้ำสัมพันธ์ใกล้ชิด “จีน – ไทย ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ยืนยันความพร้อมของไทยในทุกด้าน ก้าวสู่การพัฒนาที่มั่งคงและยั่งยืน
03 พ.ย.2565 - ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพมหานคร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงานสัมมนา Thailand – China Investment Forum โดยมีนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ต้อนรับ
นายกฯ กล่าวยินดีต่อการจัดงาน Thailand-China Investment Forum ว่าเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนความสัมพันธ์และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน โดยในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลได้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านนโยบายการเปิดประเทศ ซึ่งส่งผลดีต่อภาคการค้า การลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนจากต่างประเทศ และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและบริการ ส่งผลให้เกิดการขยายตัวของตัวเลขลงทุนจากต่างประเทศในปีนี้
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน ว่ามีความแน่นแฟ้นมีพลวัตทุกระดับ จีนถือเป็นคู่ค้าและคู่มิตรที่สำคัญของไทย และในปี 2565 นี้ ถือเป็นปีครบรอบหนึ่งทศวรรษของความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างกัน โดยยืนยันว่า รัฐบาลไทยพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลจีน เพื่อพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนสู่ทศวรรษหน้าในทุกมิติ อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ดังคำกล่าวที่ว่า จีน – ไทย ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน นอกจากนี้ไทยได้สนับสนุนบทบาทเชิงสร้างสรรค์ของรัฐบาลจีน ตามแผนริเริ่มการพัฒนาโลก (Global Development Initiative: GDI) ซึ่งสอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของไทย ที่มุ่งเน้นความเจริญรุ่งเรือง โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง นำไปสู่การเติบโตที่สมดุล ยั่งยืน และครอบคลุมในทุกมิติ
นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลไทยได้ส่งเสริมการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ ทั้งยกระดับความเชื่อมโยงทางด้านโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ เชื่อมโยงกับภูมิภาคและโลก รวมถึงการพัฒนา EEC เชื่อมโยงกับข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative: BRI) รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้สิทธิประโยชน์การส่งเสริมการลงทุน การปรับปรุงร่างข้อเสนอยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2566 - 2570) เพื่อดึงดูดกิจการใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพมาลงทุนในไทย นอกจากนี้ ไทยถือเป็นจุดยุทธศาสตร์เชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ในภูมิภาค รัฐบาลพร้อมผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นจุดยุทธศาสตร์การคมนาคมไร้รอยต่อ สอดคล้องกับการยกระดับการพัฒนา EEC เชื่อมโยงกับเขตเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำแยงซี (Yangtze River Delta: YRD) ของจีน แสดงให้เห็นความพร้อมของไทยในการรองรับการลงทุนจากจีน ในสาขาที่จีนมีศักยภาพและความเชี่ยวชาญ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะและดิจิทัล ทั้งนี้ การเชื่อมต่อห่วงโซ่อุปทานของการลงทุนระหว่างไทยกับจีนนับว่าเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการเชื่อมโยงโครงการรถไฟจีน – ลาว กับระบบรางของไทย จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ การขนส่งสินค้า และการท่องเที่ยว ทำให้เกิดประโยชน์นำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ภูมิภาค
“นอกจากนี้ ไทยและจีนยังมีความร่วมมืออื่น ๆ ทั้งในกรอบทวิภาคี กรอบอนุภูมิภาค อย่างแม่โขง – ล้านช้าง ACMECS GMS และระดับภูมิภาค อย่างอาเซียน – จีน การขยายความร่วมมือภายใต้ BRICS Plus ที่จีนริเริ่ม รวมถึงการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคของไทยในปีนี้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากจีนเป็นอย่างดี และเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะเดินทางเข้าร่วมการประชุมกลางเดือนนี้ด้วยตนเอง แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์และความเป็นหุ้นส่วนที่แนบแน่นของทั้งสองประเทศอย่างแท้จริง”
ในตอนท้าย นายกฯ เน้นย้ำความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับจีน การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโต เสถียรภาพ และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่มั่งคงและยั่งยืน ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน ควบคู่ไปกับการรับมือกับความท้าทายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอนของโลก โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีขอบคุณสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ที่ร่วมกันจัดงานในวันนี้ขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดทางธุรกิจในอนาคต และอวยพรให้งานในวันนี้สำเร็จตามวัตถุประสงค์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“รมช.สุชาติ“ หารือเซเนกัล พร้อมเพิ่มปริมาณส่งออกข้าว ย้ำคุณภาพและมาตรฐานของข้าวไทย
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายอาบดูแล บาโร เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเซเนกัลประจำประเทศไทย ถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 ที่กระทรวงพาณิชย์
เอกชนขอคุย‘ธปท.’ บาทแข็งลดดอกเบี้ย
กกร.จ่อเข้าพบผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ โอดบาทแข็งต่อเนื่อง 3 เดือนทะยาน 12% หรือแตะ 4.50 บาท
บาทอ่อนกระทบส่งออก แนะคลัง-ธปท.จับเข่า
หอการค้าไทยชี้เงินบาทอ่อนค่าแรงเร็ว กระทบส่งออก-สินค้าเกษตร-ท่องเที่ยว