14 พ.ย. 64 เวลา 09.20 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานมีสถานการณ์อุทกภัย รวม 12 จังหวัด โดยมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 10 – 14 พ.ย. 64 ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง ในพื้นที่ 7 จังหวัด รวม 40 อำเภอ 127 ตำบล 531 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 9,294 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 2 ราย ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 6 จังหวัด (เพชรบุรี ระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา) รวม 31 อำเภอ 112 ตำบล 495 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 9,111 ครัวเรือน ในขณะที่อิทธิพลพายุเตี้ยนหมู่ พายุไลออนร็อก พายุคมปาซุ และร่องมรสุมพาดผ่านภาคตะวันออกและภาคใต้ตอนบน ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. – 14 พ.ย. 64 ทำให้น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 6 จังหวัด (หนองบัวลำภู อุบลราชธานี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนครปฐม) รวม 22 อำเภอ 230 ตำบล 1,418 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 70,702 ครัวเรือน ภาพรวมสถานการณ์คลี่คลายในหลายพื้นที่แล้ว ระดับน้ำลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย เร่งระบายน้ำและให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานสถานการณ์อุทกภัยจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 10 – 14 พ.ย. 64 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี ระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา และตรัง รวม 40 อำเภอ 127 ตำบล 531 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 9,294 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 2 ราย (ชุมพร) ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี ระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา รวม 31 อำเภอ 112 ตำบล 495 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 9,111 ครัวเรือน สถานการณ์ในภาพรวมระดับน้ำลดลง ดังนี้
ภาคกลาง 1 จังหวัด ได้แก่
1.เพชรบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบ้านลาด อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง อำเภอแก่งกระจาน และอำเภอหนองหญ้าปล้อง รวม 13 ตำบล 47 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 110 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
ภาคใต้ 5 จังหวัด รวม 25 อำเภอ 99 ตำบล 448 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 9,001 ครัวเรือน ได้แก่
2.ระนอง น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอละอุ่น รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 100 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
3.ชุมพร น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอหลังสวน อำเภอทุ่งตะโก อำเภอสวี อำเภอพะโต๊ะ อำเภอเมืองชุมพร และอำเภอปะทิว รวม 44 ตำบล 328 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,682 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
4.สุราษฎร์ธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอดอนสัก อำเภอท่าชนะ อำเภอไชยา อำเภอเกาะสมุย และอำเภอกาญจนดิษฐ์ รวม 15 ตำบล 36 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 950 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
5.นครศรีธรรมราช น้ำท่วมในพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอพระพรหม อำเภอสิชล อำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอท่าศาลา อำเภอนาบอน อำเภอบางขัน อำเภอทุ่งสง และอำเภอเชียรใหญ่ รวม 25 ตำบล 60 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 260 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
6.สงขลา น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสงขลา อำเภอคลองหอยโข่ง อำเภอระโนด และอำเภอสทิงพระ รวม 13 ตำบล 22 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 9 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
ขณะที่อิทธิพลพายุเตี้ยนหมู่ พายุไลออนร็อก พายุคมปาซุ และร่องมรสุมพาดผ่านภาคตะวันออกและภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. – 14 พ.ย. 2564 ทำให้น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 6 จังหวัด (หนองบัวลำภู อุบลราชธานี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนครปฐม) รวม 22 อำเภอ 230 ตำบล 1,418 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 70,702 ครัวเรือน แยกเป็น
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด รวม 3 อำเภอ 9 ตำบล 40 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 765 ครัวเรือน ได้แก่
7.หนองบัวลำภู ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอโนนสัง รวม 5 ตำบล 14 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 188 ครัวเรือน
8.อุบลราชธานี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี และอำเภอวารินชำราบ รวม 4 ตำบล 26 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 577 ครัวเรือน
ภาคกลาง 4 จังหวัด รวม 19 อำเภอ 221 ตำบล 1,378 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 69,937 ครัวเรือน ได้แก่
9.อ่างทอง ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอ่างทอง อำเภอไชโย อำเภอป่าโมก และอำเภอวิเศษชัยชาญ รวม 29 ตำบล 142 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,467 ครัวเรือน
10.พระนครศรีอยุธยา ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอผักไห่ อำเภอเสนา อำเภอบางบาล อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางไทร อำเภอบางปะอิน และอำเภอลาดบัวหลวง รวม 106 ตำบล 380 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 49,385 ครัวเรือน
11.ปทุมธานี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปทุมธานี อำเภอสามโคก และอำเภอลาดหลุมแก้ว รวม 25 ตำบล 81 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,176 ครัวเรือน
12.นครปฐม ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางเลน อำเภอนครชัยศรี อำเภอสามพราน อำเภอกำแพงแสน และอำเภอดอนตูม รวม 61 ตำบล 475 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 8,909 ครัวเรือน
ภาพรวมสถานการณ์คลี่คลายในหลายพื้นที่แล้ว ระดับน้ำลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ
สำหรับการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือประชาชน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระดมสรรพกำลังในการระบายน้ำออกจากพื้นที่ และดูแลให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ฯ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลชู บสย.เยียวยาเอสเอ็มอีใต้
'ศศิกานต์' เผย มาตรการ บสย. เยียวยาช่วยเหลือพี่น้องชาวใต้ พักค่าธรรมเนียม-พักหนี้ 6 เดือน ช่วย SMEs ฟื้นฟูกิจการ
เบตงอ่วม! ฝนถล่มต่อเนื่อง 'ดินสไลด์-ถนนทรุด'
ฝนตกต่อเนื่อง ระดับน้ำขึ้นสูง เส้นทาง 410 ยะลา-เบตง ดินสไลด์ทับเส้นทางหลายจุด
เอาแล้ว! แม่น้ำปัตตานีล้นตลิ่งทะลักเข้าท่วมเทศบาล
แม่น้ำปัตตานีล้นตลิ่งทะลักเข้าท่วมเทศบาล ย่านเศรษฐกิจกระทบหนัก
29พ.ย.'อนุทิน'ลงพื้นที่เกาะติดสถานการณ์น้ำท่วม!
'อนุทิน' กำชับ ปภ. ระดมสรรพกำลังเครื่องจักร เจ้าหน้าที่พร้อมสนับสนุนบรรเทาอุทกภัยภาคใต้ 29 พ.ย. นี้ ลงพื้นที่เกาะติดสถานการณ์ ล่าสุดมีน้ำท่วมใน 7 จังหวัด กระทบประชาชน 136,219 ครัวเรือน
'บิ๊กต่าย' สั่งตำรวจภาค 8-9 เร่งดูแลประชาชนในพื้นที่อุทกภัยด้ามขวานเต็มที่
'ผบ.ตร.' สั่งตำรวจ ภ.8-ภ.9 ดูแลช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อุทกภัยอย่างเต็มที่ นำแนวทางที่สั่งถอดบทเรียนในพื้นที่ประสบภัยที่ผ่านมา มาปรับใช้
'ซาบีดา' ลุยช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้รายงานมีฝนตกหนักทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ ต.บ้านไร่ อ.บ้านไร่ จ. อุทัยธานี