14 ต.ค. 2565 – เพจ “ชมรมจิตเวชศาสตร์การเสพติด (TSAP)” โพสต์ข้อความในหัวข้อ “ความเข้าใจผิดเรื่องกัญชาที่หลายคนไม่ทันรู้หรือรู้ไม่เท่าทัน” โดยระบุว่า
ข้อมูลล่าสุดใน 3 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2562-2565) ของวารสารทางวิชาการและการแพทย์บ่งชี้ว่า กัญชาอาจไม่ได้มีประโยชน์ทางการแพทย์อย่างกว้างขวางอย่างที่เคยเชื่อกัน ในทางกลับกัน การใช้กัญชาอาจทำให้เกิดโทษต่อสุขภาพกายใจ และสังคมของมนุษย์มากกว่าที่เคยคิด โดยการศึกษาแบบทบทวนงานวิจัยขนาดใหญ่เชิงสังเคราะห์ (systematic review and meta-analysis) ที่เป็นรูปแบบการศึกษาที่มีความน่าเชื่อถือมากที่สุดในวงการวิชาการและการแพทย์ได้สรุปผลของกัญชา ดังนี้
1.การใช้กัญชาเพื่อทดแทนยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์ เช่น มอร์ฟีน ในผู้ป่วยโรคมะเร็งที่มีอาการปวดร่วมด้วยนั้น ยังไม่สามารถสรุปผลได้อย่างแน่ชัด โดยการศึกษาแบบทบทวนงานวิจัยขนาดใหญ่เชิงสังเคราะห์ที่รวบรวมงานวิจัยเชิงทดลอง 5 เรื่องและงานวิจัยแบบเฝ้าสังเกต 12 เรื่อง ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2021 ได้สรุปว่า การใช้กัญชาทางการแพทย์แทบจะไม่มีผลต่อการลดยาแก้ปวดลงอย่างมีนัยสำคัญ และสารในกัญชามีประโยชน์น้อยมากในการช่วยลดความปวดหรือบรรเทาอาการนอนไม่หลับในผู้ป่วยโรคมะเร็งที่มีอาการปวดเรื้อรัง ในทางกลับกัน การใช้กัญชาในผู้ป่วยกลุ่มนี้จะเพิ่มความเสี่ยงทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนมากขึ้น (1) ทั้งนี้ ยังมีอีกการศึกษาหนึ่งที่รวบรวมงานวิจัย 32 เรื่อง ซึ่งในตีพิมพ์ในปี 2021 ซึ่งได้รายงานผลไปในทางเดียวกัน โดยพบว่า การใช้กัญชาทางการแพทย์มีผลการรักษาน้อยมากในส่วนของการบรรเทาอาการปวดเรื้อรัง หรือบรรเทาอาการนอนไม่หลับ และกัญชาทางการแพทย์ไม่ได้ช่วยให้ประสิทธิภาพด้านต่าง ๆ ของผู้ป่วยดีขึ้นทั้งในส่วนของอารมณ์ หรือบทบาททางสังคม และการได้รับกัญชายังเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ได้แก่ เกิดการรับรู้และสมาธิบกพร่อง เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน และเกิดอาการง่วงซึม (2)
2.การใช้กัญชาเพื่อรักษาอาการนอนไม่หลับในผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรังร่วมด้วยให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างน้อย โดยการศึกษาแบบทบทวนงานวิจัยขนาดใหญ่เชิงสังเคราะห์ที่รวบรวมงานวิจัย 39 เรื่อง ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2022 ได้สรุปว่า สารแคนนาบินอยด์ในกัญชาช่วยให้การนอนดีขึ้นได้เพียงเล็กน้อยในผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรังที่ไม่ได้เป็นจากโรคมะเร็ง และผลการรักษาสำหรับการนอนจะน้อยลงไปอีกในผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรังที่เป็นผลจากโรคมะเร็ง ในขณะที่การได้กัญชาจะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงได้มากมาย ได้แก่ เกิดอาการมึนงง ง่วงซึม ปากแห้ง อ่อนเพลีย และเกิดอาการคลื่นไส้ (3)
3.การใช้กัญชาในโรคทางจิตเวชนั้นไม่มีหลักฐานว่าจะมีประโยชน์ชัดเจน และพบว่าให้โทษมากกว่า โดยการศึกษาแบบทบทวนงานวิจัยขนาดใหญ่เชิงสังเคราะห์ที่รวบรวมงานวิจัย 83 เรื่องซึ่งตีพิมพ์ในปี 2019 ได้สรุปว่า ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ากัญชาช่วยบรรเทาอาการของทางจิตเวชได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคสมาธิสั้น กลุ่มอาการ Tourette โรคสะเทือนขวัญจากการประสบเหตุการณ์รุนแรง (Post Traumatic Stress Disorder, PTSD) หรืออาการโรคจิต (4) แต่มีงานวิจัยขนาดใหญ่มากมายที่แสดงให้เห็นว่าการใช้กัญชาจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางจิตเวชชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มวัยรุ่น เช่น เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการโรคจิต (psychosis) (5-7) เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคซึมเศร้าและความคิดอยากฆ่าตัวตาย (8-10) มีความสัมพันธ์กับการมีโรควิตกกังวลไปทั่ว (10) และโรควิตกกังวลกลัวสังคม (11) ทั้งนี้ การใช้กัญชาในวัยรุ่นยังทำให้ระดับสติปัญญาลดลงและเกิดความบกพร่องในการเรียนรู้ (12, 13) อย่างไรก็ตามการหยุดใช้กัญชาเป็นระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ถึงหนึ่งเดือนจะทำให้ประสิทธิภาพการเรียนรู้ของสมองกลับมาดีขึ้นได้ (14)
4.การใช้กัญชาเป็นประจำอาจมีผลต่อการก่อความรุนแรงทางกายขึ้นได้ เช่น ทำร้ายร่างกายผู้อื่น คุกคามทางเพศ เกิดการต่อสู้และการจี้ปล้น เป็นต้น โดยการศึกษาแบบทบทวนงานวิจัยขนาดใหญ่เชิงสังเคราะห์ที่รวบรวมงานวิจัย 30 เรื่อง ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2020 ได้รวบรวมกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ตอนต้นจำนวนกว่า 296,815 คน ผลการศึกษาพบว่า ผู้ใช้กัญชาอย่างหนักเป็นประจำมีความเสี่ยงที่จะก่อความรุนแรงทางกายเพิ่มเป็น 2.8 เท่า ส่วนผู้ที่ใช้กัญชาในปีที่ผ่านมามีความเสี่ยง 2.05 เท่า (15) โดยมีการศึกษาที่พบความเกี่ยวข้องของการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรงจากการใช้กัญชาในกลุ่มผู้ป่วยโรคจิตเวชที่มีอาการรุนแรงเช่นกัน (16)
5.การใช้กัญชาทำให้ผู้ที่ใช้ริเริ่มจะใช้สารเสพติดชนิดอื่นในเวลาต่อมาได้ (gateway drug) โดยมีการศึกษาแบบทบทวนงานวิจัยขนาดใหญ่เชิงสังเคราะห์ที่รวบรวมงานวิจัย 6 เรื่องจากหลากหลายประเทศ ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2022 ได้รวบรวมกลุ่มตัวอย่างกว่า 102,461 คน และได้รายงานข้อสรุปว่า ผู้ที่ใช้กัญชามีความเสี่ยงที่จะริเริ่มใช้สารเสพติดกลุ่มโอปิออยด์ (เช่น เฮโรอีน สารกลุ่มฝิ่น หรือยาแก้ปวด) ในเวลาต่อมาเพิ่มขึ้นเป็น 2.76 เท่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ใช้กัญชา และมีความเสี่ยงที่จะติดสารกลุ่มโอปิออยด์เป็น 2.52 เท่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ใช้กัญชา (17)
ดังนั้น บนพื้นฐานของข้อมูลทางวิชาการและการแพทย์ที่เผยแพร่ล่าสุด การใช้กัญชาทางการแพทย์จึงควรต้องอยู่ภายใต้การเฝ้าระวังและได้รับการควบคุมโดยบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด โดยควรมีการทบทวนถึงประสิทธิภาพและความเสี่ยงที่เกิดจากการใช้กัญชาเพื่อการรักษาเป็นระยะว่าคุ้มค่ากับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่ นอกจากนี้ ภาครัฐควรออกมาตรการป้องกันไม่ให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก วัยรุ่น และผู้มีโรคประจำตัวทางกายหรือทางจิตใจเข้าถึงการใช้กัญชาได้ด้วยตนเอง เนื่องจากอาจเกิดอันตรายจากการไม่ทันรู้หรือรู้ไม่เท่าทันความเสี่ยงที่จะเกิดจากการใช้กัญชาได้
เอกสารอ้างอิง
1.Noori A, Miroshnychenko A, Shergill Y, Ashoorion V, Rehman Y, Couban RJ, et al. Opioid-sparing effects of medical cannabis or cannabinoids for chronic pain: a systematic review and meta-analysis of randomised and observational studies. BMJ open. 2021;11(7):e047717.
2.Wang L, Hong PJ, May C, Rehman Y, Oparin Y, Hong CJ, et al. Medical cannabis or cannabinoids for chronic non-cancer and cancer related pain: a systematic review and meta-analysis of randomised clinical trials. Bmj. 2021;374.
3.AminiLari M, Wang L, Neumark S, Adli T, Couban RJ, Giangregorio A, et al. Medical cannabis and cannabinoids for impaired sleep: a systematic review and meta-analysis of randomized clinical trials. Sleep. 2022;45(2):zsab234.
4.Black N, Stockings E, Campbell G, Tran LT, Zagic D, Hall WD, et al. Cannabinoids for the treatment of mental disorders and symptoms of mental disorders: a systematic review and meta-analysis. The Lancet Psychiatry. 2019;6(12):995-1010.
5.Kiburi SK, Molebatsi K, Ntlantsana V, Lynskey MT. Cannabis use in adolescence and risk of psychosis: Are there factors that moderate this relationship? A systematic review and meta-analysis. Substance abuse. 2021;42(4):527-42.
6.Robinson T, Ali MU, Easterbrook B, Hall W, Jutras-Aswad D, Fischer B. Risk-thresholds for the association between frequency of cannabis use and the development of psychosis: a systematic review and meta-analysis. Psychological medicine. 2022:1-11.
7.Hindley G, Beck K, Borgan F, Ginestet CE, McCutcheon R, Kleinloog D, et al. Psychiatric symptoms caused by cannabis constituents: a systematic review and meta-analysis. The Lancet Psychiatry. 2020;7(4):344-53.
8.Gobbi G, Atkin T, Zytynski T, Wang S, Askari S, Boruff J, et al. Association of cannabis use in adolescence and risk of depression, anxiety, and suicidality in young adulthood: a systematic review and meta-analysis. JAMA psychiatry. 2019;76(4):426-34.
9.Bolanis D, Orri M, Castellanos-Ryan N, Renaud J, Montreuil T, Boivin M, et al. Cannabis use, depression and suicidal ideation in adolescence: direction of associations in a population based cohort. Journal of affective disorders. 2020;274:1076-83.
10.Onaemo VN, Fawehinmi TO, D’Arcy C. Comorbid cannabis use disorder with major depression and generalized anxiety disorder: a systematic review with meta-analysis of nationally representative epidemiological surveys. Journal of affective disorders. 2021;281:467-75.
11.Single A, Bilevicius E, Ho V, Theule J, Buckner JD, Mota N, et al. Cannabis use and social anxiety in young adulthood: A meta-analysis. Addictive Behaviors. 2022:107275.
12.Power E, Sabherwal S, Healy C, O’Neill A, Cotter D, Cannon M. Intelligence quotient decline following frequent or dependent cannabis use in youth: a systematic review and meta-analysis of longitudinal studies. Psychological medicine. 2021;51(2):194-200.
13.Ajmera N, Collins PF, Weiss H, Luciana M. Initiation of moderately frequent cannabis use in adolescence and young adulthood is associated with declines in verbal learning and memory: A longitudinal comparison of pre-versus post-initiation cognitive performance. Journal of the International Neuropsychological Society. 2021;27(6):621-36.
14.Krzyzanowski DJ, Purdon SE. Duration of abstinence from cannabis is positively associated with verbal learning performance: A systematic review and meta-analysis. Neuropsychology. 2020;34(3):359.
15.Dellazizzo L, Potvin S, Dou BY, Beaudoin M, Luigi M, Giguère C-É, et al. Association between the use of cannabis and physical violence in youths: a meta-analytical investigation. American journal of psychiatry. 2020;177(7):619-26.
16.Dellazizzo L, Potvin S, Beaudoin M, Luigi M, Dou BY, Giguère C-É, et al. Cannabis use and violence in patients with severe mental illnesses: A meta-analytical investigation. Psychiatry research. 2019;274:42-8.
17.Wilson J, Mills K, Freeman TP, Sunderland M, Visontay R, Marel C. Weeding out the truth: a systematic review and meta-analysis on the transition from cannabis use to opioid use and opioid use disorders, abuse or dependence. Addiction. 2022.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ใครลอกใคร! การเมืองอเมริกา 5 เรื่อง ที่เหมือนไทยเป๊ะ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า การเมืองไทย-อเมริกา เหมือนหรือแตกต่างกัน?
จับตา 'ภท.' รุกคืบ! สัญญาณแข็งข้อกับ 'พท.' ชัดขึ้นเรื่อยๆ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ภูมิใจไทยงดออกเสียง พ.ร.บ.ประชามติ สัญญาณการแข็งข้อกับเพื่อไทย
เลขาฯปปส. เผยร่างกฎกระทรวง เพิ่มความเข้มข้นสกัดกั้นลักลอบขนกัญชาไปต่างประเทศ
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามกยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้เปิดเผยถึงมติคณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตผลิต
'อนุทิน' ยันรัฐบาลแพทองธาร เดินหน้า พ.ร.บ.กัญชา ภท. หนุน 'กาสิโน'
'อนุทิน' ยันรัฐบาลแพทองธาร 1 สานต่อนโยบายกัญชา เดินหน้า พ.ร.บ.ควบคุมใช้เฉพาะทางการแพทย์ หนุน 'เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์' สร้างรายได้ให้คนไทย
นายกฯ ยันนโยบายส่วนใหญ่สานต่อยุคเศรษฐา!
นายกฯ เผยได้ข้อสรุปนโยบายส่วนของเพื่อไทยวันนี้ ขณะพรรคร่วมฯทยอยส่งนโยบายรัฐบาลแล้ว เชื่อปมกัญชาไม่เป็นปัญหาคุยกันได้ ส่วน 'เพื่อไทย' ยังเหมือนเดิม แต่ปรับรายละเอียดดิจิทัลวอลเล็ตเล็กน้อย
ปิดดีล! 'กัญชา' จบแล้ว 'อนุทิน' เผย 'เศรษฐา' บัญชาออกพ.ร.บ.ควบคุม
ที่ทำเนียบ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวภายหลังประชุมครม. ก