นายกฯ สั่งตำรวจกวาดล้างยาเสพติดเร่งด่วนแบบครบวงจร

10 ต.ค. 2565 – นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้มีบัญชาให้ตำรวจเร่งรัดปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างเร่งด่วน แบบครบวงจรและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สนองนโยบายนายกรัฐมนตรี ด้วยการเดินหน้าปราบปรามยาเสพติดเชิงรุก บูรณาการกับทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น สาธารณสุข เพิ่มความเข้มในการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดในพื้นที่ รวมทั้งให้มีการขยายผลและใช้มาตรการทางทรัพย์สิน ทั้งยึด อายัดทรัพย์คดียาเสพติด การฟอกเงิน ต่อผู้กระทำผิดทุกราย รวมทั้งติดตามนำผู้เสพมาเข้ารับการบําบัด โดยเฉพาะในชุมชน สถานศึกษา สถานบริการและสถานประกอบการ จะสุ่มตรวจตามวงรอบ ปิดล้อมตรวจค้นชุมชนอย่างต่อเนื่อง ค้นหาผู้ติดยาเสพติดที่มีอาการทางจิตประสาทในพื้นที่ จัดทำฐานข้อมูลเพื่อพิจารณาจัดลําดับความรุนแรงของอาการ เพื่อนําเข้าบําบัดรักษา และค้นหาและนําผู้เสพ เข้าสู่กระบวนการบําบัดโดยสมัครใจโดยเร็ว

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำผู้บังคับบัญชาทุกระดับต้องลงไปขับเคลื่อนนโยบายตามที่ได้สั่งการลงไป รวมทั้งติดตาม ตรวจสอบ และควบคุมความประพฤติของผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ให้ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยเด็ดขาด หากพบการกระทําความผิด จะต้องดําเนินการทางกฎหมายอาญา ทางวินัย และการปกครองอย่างเฉียบขาดทุกราย ยืนยันว่ารัฐบาลเดินหน้าในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังมาโดยตลอด ทั้งนี้ ประชาชนสามารถช่วยกันแจ้งเบาะแสยาเสพติดมาได้ที่สายด่วน 1386 ซึ่งจะได้รับรางวัลนำจับด้วย โดยขอให้ประชาชนมั่นใจเรื่องความปลอดภัยเพราะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลข้อมูลของคนแจ้งเบาะแสได้รับความปลอดภัยอยู่แล้ว

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ให้ กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการตามนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเสริมสร้างความเข้มแข็ง ให้การป้องกันและเเก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน ผ่านกลไกการทำงานในทุกระดับและทุกพื้นที่ ภายใต้การนำของผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีเครือข่ายที่มีความตั้งใจ และ Passion ในการ Change for Good เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้กับสังคมไทย ในการทำให้ประเทศชาติมีความมั่นคง และนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกพื้นที่ลด Demand และ Supply ของยาเสพติด รวมถึงการมองผู้เสพหรือติดยาเสพติดเป็นผู้ป่วยยาเสพติดที่ต้องได้รับการบำบัดรักษาฟื้นฟู พร้อมทั้งพัฒนาทักษะและฝึกอาชีพ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุขได้ในสังคม ถือเป็นการคืนคนดีสู่สังคม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

นานอนุชา กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังมาโดยตลอด โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจังให้เกิดผลเป็นรูปธรรม กำหนดให้การปราบปรามยาเสพติดเป็นนโยบายเร่งด่วน และวาระแห่งชาติที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง ควบคู่กับการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนการปฏิบัติไปสู่เป้าหมายที่กำหนด รวมทั้งนายกรัฐมนตรีมีบัญชาให้ตำรวจเร่งรัดปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างเร่งด่วน แบบครบวงจรและต่อเนื่องเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำประเด็นสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน โดยยึดหลักมติที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยพิเศษว่าด้วยปัญหายาเสพติดโลก ค.ศ. 2016 ที่ได้มีมติในการแก้ไขปัญหายาเสพติดแนวใหม่ 3 แนวทาง คือ 1.ผู้เสพ คือ ผู้ป่วยที่ควรได้รับการบำบัดรักษาตามวิธีการทางสาธารณสุข 2. การนำพืชเสพติดมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ สาธารณสุข และส่งเสริมเป็นพืชเศรษฐกิจ และ 3. ผู้ค้ายาเสพติด ถือว่าเป็นอาชญากรที่จะต้องได้รับโทษตามพฤติการณ์การกระทำความผิด รวมทั้งรัฐบาลได้ปรับปรุงกฎหมายยาเสพติด เพื่อรวบรวมจัดทำเป็นประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยมุ่งเน้นการแก้ปัญหายาเสพติดของประเทศที่สร้างความสมดุลระหว่างการปราบปรามยาเสพติด การป้องกันและการบำบัดรักษา ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงกฎหมายต่างๆ ได้อย่างสะดวก เข้าใจง่าย และปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการทำงาน เพื่อประโยชน์ในการบังคับกฎหมายอย่างเป็นระบบ สิ่งสำคัญคือมาตรการในการป้องกันผู้เสพรายใหม่ การสร้างการรับรู้เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ตนเอง พร้อมทั้งส่งเสริมให้ผู้ที่ผ่านการบำบัดรักษายาเสพติดมีทักษะอาชีพ เพื่อที่จะหารายได้โดยสุจริตเพื่อใช้ในการดำรงชีพ ตลอดจนเพื่อให้การดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดสามารถตอบสนองต่อความต้องการและความคาดหวังของประชาชนและสังคมได้ครบถ้วนในทุกมิติ

นายอนุชา ยังกล่าวถึงผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ประจำปี 2565 ว่า รัฐบาล สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กระทรวงยุติธรรม เดินหน้าแก้ปัญหายาเสพติด ด้วยการแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด 24 ฉบับ มาเป็นฉบับเดียว คือประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งมีผลบังคับใช้ 9 ธ.ค. 2564 โดยจะเน้นอายัดทรัพย์ ซึ่งเมื่อมีกฎหมายใหม่ สามารถยึดทรัพย์ย้อนหลังได้ถึง 10 ปี ทำให้ปี 2565 สามารถบูรณาการยึดอายัดทรัพย์ของเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดได้ถึง 10,820 ล้านบาท และจากนี้ไปคาดจะสามารถยึดทรัพย์ได้มากขึ้นอีก โดยในปี 2566 ตั้งเป้าหมายยึดทรัพย์คดียาเสพติดให้ได้มากกว่าเดิมถึง 10 เท่าที่ 100,000 ล้านบาท เพื่อเป้าหมายสุดท้าย คือ ลดความเดือดร้อนของประชาชนตามนโยบายรัฐบาล เพราะเมื่อมีกฎหมายใหม่จะทำให้มีหน่วยงานเข้ามาช่วยตรวจสอบย้อนหลังมากขึ้น อีกทั้งมีแนวทางการป้องกันยาเสพติดจากแหล่งผลิตรอบประเทศ โดยได้มีการประสานความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา และลาว ทำให้มีการจับกุมผ่านเมียนมาได้จำนวนมากขึ้น รวมถึงยังได้มีการบูรณาการร่วมกับทหาร ทั้งทางบก น้ำ อากาศ และตำรวจ เพื่อช่วยเฝ้าระวังการลักลอบขนยาเสพติดเข้าประเทศด้วย

ส่วนนโยบายการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 สำนักงาน ป.ป.ส. มีภารกิจสำคัญในด้านต่างๆ ได้แก่ 1.ด้านการป้องกันยาเสพติด เน้นการพัฒนาหลักสูตรและกิจกรรมการป้องกันให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเสี่ยงเสพ ให้มีการสร้างการรับรู้ โดยบรรจุหลักสูตรการเรียนการสอนแบบถาวร เสริมสร้างการให้ความรู้แก่ผู้ปกครอง กลุ่มเสี่ยงค้า เน้นถึงโทษที่ได้รับและการยึดทรัพย์ รวมทั้งการพัฒนาเครือข่ายเยาวชนระหว่างในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Youth Network on Drugs Prevention Program: YNDPP) 2.ด้านการปราบปรามยาเสพติด สืบสวนขยายผลเครือข่ายการค้ายาเสพติดและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด โดยมีเป้าหมายยึดอายัดทรัพย์สินผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไว้ที่ 100,000 ล้านบาท มุ่งเน้นคิดแบบมูลค่า (Value- Based Confiscation) ทำสำนวนให้มีคุณภาพ ขยายการยึดทรัพย์สินที่มีอยู่ 3.ด้านการบำบัดรักษาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด เน้นการบำบัดรักษาตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ให้คำปรึกษาด้านจิตสังคมในระบบศาล และแก้ปัญหาผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตอันเนื่องมาจากการใช้ยาเสพติด 4. ด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งได้มีความร่วมมือกับ 25 ประเทศ 4 องค์กรระหว่างประเทศ เพื่อร่วมกันสกัดกั้นยาเสพติดและสืบสวนขยายผลเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ และเพื่อให้การทำงานยาเสพติดมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ได้มีการจัดตั้งศูนย์บูรณาการฐานข้อมูลด้านยาเสพติดแห่งชาติ เพื่อเป็นศูนย์กลางข้อมูลด้านยาเสพติดของประเทศอีกด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อดีตจเรตำรวจฯ ขอทำเรื่องเฉพาะหน้า ‘เพิ่มเงิน-สวัสดิการตำรวจ’ ก่อนจะไปเปลี่ยนประธาน ก.ตร.

ณะนี้มีการเคลื่อนไหวจะปฏิรูปตำรวจโดยตำรวจเอง หลักๆคือให้นายกรัฐมนตรีไม่เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.  แต่ประธานจะมาจากการเลือกกันเองเหมือนคณะกรรมการข้าราชการอัยการ หรือ ก.อ. กระผม ไม่แน่ใจว่าจะเกิดผลดีกว่าเดิมหรือแย่กว่าเก่า

‘นักกฎหมายตำรวจ’ ถอดบทเรียน การเข้าระงับเหตุ ลดความสูญเสีย

ด้วยความเคารพความกล้าหาญ และเสียสละของผู้เสียชีวิต ควรแก่การยกย่องเป็นเกียรติประวัติสืบไป แต่การเข้าระงับเหตุ ของตำรวจไทยมีข้อผิดพลาด ต้องนำไปถอดบทเรียนแก้ไข

สลด! หนุ่มมุกดาหารโดนไฟดูด ดับคาเสาไฟฟ้าแรงสูง

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มุกดาหาร ได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนตายบนเสาไฟฟ้าแรงสูง บริเวณทางเข้าหมู่บ้านคำตุนาง ไปยังหมู่บ้านกุดโง้ง ตำบลมุก อำเภอเมือง

‘บิ๊กเอก’ ยกเสียงสะท้อนจากตำรวจ เจ็บปวดผู้มีอำนาจข่มขืนองค์กร ถึงเวลาต้องปฏิรูปตร.

อีกเสียงสะท้อนจากนายตำรวจ ที่สื่อสารออกมา อย่างเจ็บปวด เปรียบเทียบให้เห็นภาพองค์กรตำรวจ ผู้มีอำนาจทางการเมือง อดีตผู้บังคับบัญชาสูงสุด ทำอะไรไว้ ควรที่จะปฏิรูปตำรวจอีกหรือไม่

'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป