4 ต.ค.2565 - เมื่อเวลา 14.45 น. จ.อุบลราชธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ถึงศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัยและเยี่ยมเยียนบ้านเรือนประชาชน ชุมชนวัดวารินทราราม อ.วารินชำราบ พร้อมกล่าวว่า กว่าจะถึงได้ก็เหนื่อยเหมือนกัน แต่ทุกคนที่มารอเหนื่อยกว่า กว่าจะผ่านเส้นทางมาได้ก็ยากลำบาก วันนี้มาเยี่ยมพวกเราเอาหัวใจมาฝาก และที่มาวันนี้เพราะห่วงใยไม่อยากให้เป็นภาระแต่อยากมาดูด้วยตาตัวเอง ตนมาจ.อุบลราชธานี 6 ครั้งแล้ว อาจจะมากกว่าจังหวัดอื่น ซึ่งน้ำท่วมครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อน เพราะมีพายุและฝนตกหนักเกินกว่าจะรองรับได้ แต่จะพยายามลดให้มากที่สุด วันนี้ต้องเตรียมการแก้ปัญหา เพราะทุกคนเดือดร้อน ฉะนั้นหลังจากน้ำลดต้องกลับไปเร่งฟื้นฟูให้ได้ โดยเรื่องของการเยียวยารัฐบาลจะเร่งดูแล
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยืนยันว่า ตนไม่เคยนิ่งนอนใจ ติดตามสถานการณ์ทุกวัน แต่ปัญหาของเราคือมันท่วมเยอะมาก และหลายพื้น ซึ่งไม่ใช่สถานการณ์ปกติ ทั้งเหนือตอนบน ภาคกลาง และกทม. และจะไปใต้ตอนบนตอนล่าง มันเจอทั้งประเทศ เพราะน้ำมันไหลจากบนลงล่าง ซึ่งขึ้นอยู่กับการพร่องน้ำไปทางตะวันตกและตะวันออกได้อย่างไร ปกติมันทำได้ แต่ฝนมันผ่านมาทางนี้และข้างบนก็ลงมาอีกนี่คือปัญหาของเราที่เป็นประเทศอยู่ท่ามกลางมรสุม แต่เราก็โชคดีกว่าหลายประเทศในอาเซียน วันนี้การแก้ปัญหาที่ผ่านมา เราทำได้เป็นระยะๆ ทุกอย่างมีโครงการเข้ามา แต่เราทำไม่ได้มากมาย เพราะเรื่องงบประมาณต้องทยอยทำ เราจะทำอย่างไรให้ประเทศเข้มแข็งมากขึ้น และมีรายได้มากขึ้น จีดีพีสูงขึ้นเราจะได้นำเงินมาดูแลเรื่องพวกนี้ ทั้งการเขื่อนสร้าง สร้างประตู การระบายน้ำ ไม่ได้แก้ตัว แต่นายกฯต้องคุมงบประมาณของภาครัฐให้สามารถทำให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า เมื่อเกิดวิกฤตกาลแต่ละครั้งจะทำอย่างไรให้ฟื้นตัวได้เร็ว นี่อยู่ในแผนงานที่รัฐบาลจะต้องทำ ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร แต่จะเร่งทำอย่างเต็มที่ เพราะรัฐบาลมีเวลาและยังมีโครงการอีกเยอะโดยเฉพาะที่จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดขอนแก่นมีแผนงานโครงการหลายพันล้านบาท
“วันนี้มาเยี่ยมให้กำลังใจขอไม่พูดเรื่องหนักหัวให้พวกเรา เพราะเห็นแล้วผมไม่สบายใจไม่มีใครสบายใจได้ ทุกพื้นที่รัฐบาลทำให้หมดทุกจังหวัดถามผู้ว่าราชการทุกจังหวัดได้ ไม่มีแบ่งเขาหรือแบ่งเรา ยืนยันตรงนี้ว่าเป็นรัฐบาลที่ต้องดูแลคนทั้งประเทศ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเดินตรวจเยี่ยมผู้ประสบภัยภายในศูนย์พักพิงฯ เมื่อนายกฯเดินมาถึงเต้นท์ชาวบ้านที่ประสบภัยบ้านน้ำท่วมจะถึงชั้นสอง ที่มีการขนของย้ายหนี โดยนายกฯตบไหล่ พร้อมกล่าวปลอบใจว่า “ของจะเสียมันก็ต้องเสีย เดี๋ยวเราค่อยหาใหม่ บางอย่างเป็นโชคชะตาเรา ถ้าเราไม่อยู่ตรงนั้นมันก็ไม่ท่วม แต่เราต้องอยู่ตรงนั้นไง ถึงได้บอกว่าคราวหน้าให้ขนของขึ้นข้างบน ขอให้เป็นบทเรียน”
จากนั้นนายกฯเดินมาถึงเต้นท์เจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพภาค 2 ที่มาให้บริการตัดผมฟรี โดยนายกฯ ทักทายชาวบ้านที่มาตัดผม โดยทราบว่า ผู้มาใช้บริการตัดผมเป็นทหารเก่า นายกฯจึงได้ทดลองตัดผมใช้ทั้งกรรไกรและแบตตาเลี่ยน พร้อมสอบถามความเป็นอยู่ และกล่าวขอโทษที่เล็มผมโดนศีรษะไปบ้าง ขณะที่ชาวบ้านบอกว่า “ถือเป็นมงคลที่นายกฯมาตัดผมให้ “ โดยนายกฯได้ตอบกลับว่า “ก็เป็นมงคลเช่นกัน และขอให้ส่งมงคลนี้กับคนที่เดือดร้อนด้วย”
ต่อจากนั้นนายกฯนั่งรถเพื่อเดินทางไปสนามบิน ระหว่างอยู่บนรถได้ทักทายประชาชนและเจ้าหน้าที่โดยกล่าวว่า “ทำเพื่อคนอื่นถ้าเหนื่อยผมก็ทนได้ น้ำเดี๋ยวมันมามันก็ไป ลำบากหน่อย ก็พยายามทำอย่างเต็มที่ ถ้ารักกันแบบนี้เดี๋ยวก็ผ่านพ้น“
ทั้งนี้ระหว่างทางนายกฯพร้อมคณะได้ให้หยุดรถและลงลุยน้ำเยี่ยมเยียนให้กำลังใจกับชาวบ้านที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวบริเวณริมถนน โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้กำลังใจพร้อมสอบถามสารทุกข์สุกดิบ และชี้แจงกับชาวบ้านว่าปริมาณน้ำระหว่างปีนี้กับปี 2562 นั้นมีความแตกต่างกันไม่มากโดยปีนี้ปริมาณน้ำที่มากเนื่องจากประเทศไทยต้องเจอกับพายุโนรู ซึ่งรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องก็พยายามจะทำให้ดีที่สุด เพื่อช่วยเหลือและเยียวยาให้กับประชาชน พร้อมขอให้ประชาชนอดทน ซึ่งเชื่อว่าถ้าไม่มีพายุฝนลงมาเติม สถานการณ์น้ำก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ
ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ซื้อลูกชิ้นนึ่งจากชาวบ้านที่ตั้งขาย จำนวน 3 ไม้ และมอบให้กับตำรวจ พร้อมกล่าวเชิงกระเซ้าว่า ไม้ละ 5 บาทซื้อได้เท่าไหร่ถึงจะไม่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง ทั้งนี้ยังมีชาวบ้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุได้ให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า “ ขอให้นายกฯสู้ๆ ขอให้เป็นนายกฯจนกว่าจะสิ้นชีวิต ขอให้เป็นนายกๆไปเรื่อยๆ ” ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับยิ้ม พร้อมกล่าวตอบว่า “ เอาอย่างนั้นเลยหรือ“
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเดินทางกลับ พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอให้เรียนรู้อยู่กับธรรมชาติให้ได้ เราจะต้องมีหลักคิด จะชอบหรือไม่ชอบไม่เป็นไร แต่ทุกเรื่องต้องมีหลักคิด ถ้าเราไม่มีหลักคิดก็จะมีปัญหาตามมาได้ในทุกๆเรื่อง วันนี้เราต้องช่วยกันร่วมมือเพื่อสร้างความมั่นใจ ถ้าเราร่วมมือกันได้ ปัญหาทุกอย่างก็จะแก้ไขได้ จากนั้นนายกฯและคณะเดินทางกลับกรุงเทพฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ สั่งเกาะติด 7จังหวัดภาคใต้ที่เจอฝนถล่มหนัก
นายกฯ กำชับทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์พื้นที่เสี่ยงจากฝนตกหนักในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้
นายกฯ อิ๊งค์ฝากติดตามแถลง 12 ธ.ค.ผลงานรัฐบาล 90 วัน
นายกฯอิ๊งค์ ลั่นรัฐบาล มุ่งสร้างโอกาสจับต้องได้ให้ประชาชน ปากท้องอิ่ม ดึงศักยภาพคนไทย ลั่นปรับสมดุลการค้าสหรัฐ-จีน ย้ำ รบ.อยู่ครบเทอม ฝากติดตามแถลงผลงานรัฐบาล 12 ธ.ค.นี้
เปิดโปรแกรมทัวร์ 'ครม.สัญจรอิ๊งค์' นัดแรกที่เมืองเหนือ
เปิดโปรแกรม 'ครม.สัญจรอิ๊งค์' นัดแรก จัดที่แม่ริม เชียงใหม่ 29 พ.ย. ก่อนถก 'คลังสัญจร' เชียงราย ฟื้นฟูพื้นที่เศรษฐกิจ พร้อมพบประชาชน
'เทพไท' วิเคราะห์ชัดๆ 'ทักษิณ-อุ๊งอิ๊งค์' ใครคือนายกฯตัวจริง
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช
โฆษกศปช. เผยกรณี 'น้ำผุด' อ.เชียงดาว มอบหน่วยงานลงพื้นที่ศึกษาแนวทางใช้ประโยชน์
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เปิดเผยว่า ตามที่ ศปช. ได้เคยประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้เฝ้าระวังฝนตกหนักในพื้นที่ระหว่างวันที่ 20-24 พ.ย.ไปแล้วก่อนหน้านี้
'ธนกร' ชี้หลัง 22 พ.ย.ประเทศก็ยังเดินหน้าต่อ!
'ธนกร' มองทุกคดีศาล รธน.ยึดตามหลักกฎหมาย เชื่อการเมืองหลัง 22 พ.ย.นี้ประเทศต้องเดินหน้าต่อ ขอทุกฝ่ายอย่าคาดเดาจนอาจก้าวล่วงอำนาจ ฝากรัฐบาลเร่งทำผลงาน