นายกฯ ชื่นชมทีมวิจัยไทย พัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์สู้โควิด

3 ต.ค. 2565 – ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมศักยภาพทีมวิจัยของคนไทยกับความสำเร็จในการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศอย่างยั่งยืน ทั้งการพัฒนาวัคซีน ชุดตรวจเชื้อ เครื่องช่วยหายใจ รวมถึงการพัฒนาแอนติบอดีที่มีคุณสมบัติดักจับและยับยั้งเชื้อโควิด-19 ทางกายภาพบริเวณโพรงจมูก ซึ่งทีมวิจัยของไทยจากภาครัฐ และเอกชน ได้ร่วมกันดำเนินงานวิจัยจนเกิดผลสำเร็จและถ่ายทอดองค์ความรู้ไปสู่ภาคเอกชน นำไปต่อยอดในการทำการวิจัย สร้างเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ช่วยยับยั้งเชื้อโควิด-19 ได้ในที่สุด เป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความสามารถของคนไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ในการพัฒนานวัตกรรมสุขภาพเพื่อขับเคลื่อนการดูแลสุขภาพของคนไทย ให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นทางเลือกให้กับประชาชนคนไทย ช่วยลดการนำเข้าจากต่างประเทศ และสนับสนุนต่อนโยบายความมั่นคงของประเทศ ให้ประชาชนคนไทยดำรงอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

นายอนุชา กล่าวว่า นวัตกรรมสเปรย์พ่นจมูกยับยั้งเชื้อโควิด-19 ทางกายภาพบริเวณโพรงจมูก “เวลล์โควิแทรป แอนติ-โคฟ นาซอล สเปรย์” (Vaill CoviTRAP Anti-CoV Nasal Spary) หรือ “สเปรย์พ่นจมูกแอนติบอดี” เป็นอีกตัวอย่างสำคัญซึ่งเกิดจากความร่วมมือของภาคีเครือข่ายจากภาครัฐและเอกชน ทั้งคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) องค์การเภสัชกรรม และ บริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด ที่ได้พัฒนานวัตกรรมไทยสู่ระดับโลก สามารถวิจัยและผลิตขึ้นใช้ได้เองในประเทศ และได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับประชาชนในการป้องกันและยับยั้งการติดเชื้อโควิด-19 และเป็นนวัตกรรมสุขภาพต้นแบบ เป็นการสนับสนุนให้เกิดการเข้าถึงบริการสุขภาพของคนไทยมากยิ่งขึ้น และเป็นตัวอย่างสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการพึ่งพาตนเองด้านสุขภาพของประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข พร้อมส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงในระบบสุขภาพของประเทศ เพื่อให้ประชาชนชาวไทยสามารถเข้าถึงนวัตกรรมสุขภาพ ในการป้องกันและรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ได้อย่างเข้มแข็งสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

“รัฐบาลยินดี และพร้อมสนับสนุน การศึกษาและคิดค้นนวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อต่อยอดการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โรคระบาดต่าง ๆ ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต รวมไปถึงการคิดค้นการฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันเป็นประจำเพื่อสร้างต้นแบบในการพัฒนาให้สามารถประยุกต์ใช้และรับมือกับเชื้อไวรัสอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต สอดคล้องกับนโยบายทางสาธารณสุขของรัฐบาลที่มุ่ง พัฒนาขีดความสามารถในการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข และส่งเสริมความร่วมมือทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยในเฉพาะในการป้องกันและรักษาโรคที่มีความสำคัญ ตลอดจนสอดรับกับการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศลดระดับโควิด – 19 จากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2565 เป็นต้นมา ซึ่งได้จัดเตรียมแนวทาง การเฝ้าระวัง รักษาโรค รวมถึง การบริหารจัดการวัคซีนไว้ด้วยแล้ว” นายอนุชา ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ อิ๊งค์ฝากติดตามแถลง 12 ธ.ค.ผลงานรัฐบาล 90 วัน

นายกฯอิ๊งค์ ลั่นรัฐบาล มุ่งสร้างโอกาสจับต้องได้ให้ประชาชน ปากท้องอิ่ม ดึงศักยภาพคนไทย ลั่นปรับสมดุลการค้าสหรัฐ-จีน ย้ำ รบ.อยู่ครบเทอม ฝากติดตามแถลงผลงานรัฐบาล 12 ธ.ค.นี้

เปิดโปรแกรมทัวร์ 'ครม.สัญจรอิ๊งค์' นัดแรกที่เมืองเหนือ

เปิดโปรแกรม 'ครม.สัญจรอิ๊งค์' นัดแรก จัดที่แม่ริม เชียงใหม่ 29 พ.ย. ก่อนถก 'คลังสัญจร' เชียงราย ฟื้นฟูพื้นที่เศรษฐกิจ พร้อมพบประชาชน

'ธนกร' ชี้หลัง 22 พ.ย.ประเทศก็ยังเดินหน้าต่อ!

'ธนกร' มองทุกคดีศาล รธน.ยึดตามหลักกฎหมาย เชื่อการเมืองหลัง 22 พ.ย.นี้ประเทศต้องเดินหน้าต่อ ขอทุกฝ่ายอย่าคาดเดาจนอาจก้าวล่วงอำนาจ ฝากรัฐบาลเร่งทำผลงาน