'ไทยภักดี' ให้จับตาเครือข่ายล้มล้างการปกครองจะหยุดทำลายสถาบันหรือไม่

“ทีมโฆษกไทยภักดี” แถลงเตือนเยาวชน หยุดร่วมเคลื่อนไหว “สามนิ้ว” อ้างศาล รธน.ชี้แล้วล้มล้างการปกครอง

11 พ.ย.2564 - ทีมโฆษกพรรคไทยภักดี ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แกนนำกลุ่มราษฎร จำนวน 3 คน ล้มล้างการปกครอง จากรณีประกาศ 10 ข้อปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยนายจักรพงศ์ กลิ่นแก้ว โฆษกด้านความเหลื่อมล้ำ พรรคไทยภักดี กล่าวว่า ชัดเจนว่าศาลได้กล่าวถึงพฤติกรรมและพฤติการณ์ในการกระทำความผิด อาทิ การทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ การตัดแถบสีน้ำเงินซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากธงชาติ การเสนอเรียกร้องที่มีลักษณะจาบจ้วง และลามไปจนถึงมีเจตนาล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นภัยความมั่นคงของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาผู้ถูกร้อง ไม่ใช่มีเพียงสามคน แต่กระทำเป็นขบวนการเครือข่าย ได้กระทำการต่างๆ โดยอ้างการใช้สิทธิเสรีภาพของตัวเอง แต่พฤติการณ์ทั้งหลาย ทั้งการด่าทอ คุกคาม ให้ร้าย ทำลาย สร้างความแตกแยก โดยไม่แยแสความเสียหายของสังคมส่วนรวม เป็นพฤติกรรมและพฤติการณ์ที่ผู้ถูกร้องรวมไปถึงผู้ร่วมขบวนการมีลักษณะย้อนแย้งเป็นอย่างยิ่ง เยาวชนที่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการนี้พึงระวังและต้องทบทวนอย่างจริงจัง เพราะพฤติกรรมที่แสดงออกในการเรียกร้อง ล้วนไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งสิ้น

ด้าน น.ส.วิลาสินี แววคุ้ม โฆษกด้านสื่อสังคมออนไลน์ กิจการสตรี และความหลากหลายทางเพศ กล่าวว่า กรณีนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าการใช้ข้อมูลอันเป็นเท็จแก่สังคม บ่อนทำลาย ปลุกปั่น ปลุกระดมด้วยข้อความที่บิดเบือน การใช้วาทกรรมปฏิรูป แต่ความจริงต้องการที่จะล้มล้าง ลักษณะเช่นนี้ไม่ใช่วิถีที่ถูกต้องตามหลักการประชาธิปไตย การใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ต้องคำนึงถึงความเสมอภาค และภราดรภาพด้วย พฤติกรรมของคนกลุ่มนี้จึงเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง จากนี้ไปใครก็ตามใช้ข้อมูลเท็จเพื่อปลุกปั่น ปลุกระดมต้องตระหนักให้ดีว่าการกระทำลักษณะนี้เข้าข่ายผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ

ผศ.พิมพ์ณัฐชยา สัจจาศิลป์ โฆษกด้านวิชาการ สื่อมวลชน และเศรษฐกิจ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 หมวด 2 พระมหากษัตริย์ มาตรา 6 ระบุว่า องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้ มาตรา 7 พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะ และทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก และ มาตรา 8 พระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย ดังนั้นตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรีถึงสมัยรัตนโกสินทร์ พระมหากษัตริย์เป็นสถาบันสำคัญของชาติ ทรงมีคุณูปการใหญ่หลวงแก่ชาติ เป็นจอมทัพไทยคู่กับชาติ ศาสนา ทั้งยังดำรงไว้ซึ่งหลักทศพิธราชธรรมมาหลายร้อยปี ศาลท่านกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า พระมหากษัตริย์จะอยู่คู่กับชาติไทยตลอดไป เพื่อธำรงความเป็นชาติไทย น้องๆ เยาวชน ตลอดจนแกนนำทั้งหลาย ต้องหยุดทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ หยุดทำลายความเป็นไทย เพื่อรักษาการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

นายสุขสันต์ แสงศรี โฆษกด้านการเมือง และกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า ทุกคนต้องตระหนักให้มาก ว่าสิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจะเป็นบรรทัดฐานของสังคมต่อไป โดยเฉพาะประเด็นที่เป็นข้อเรียกร้องของขบวนการล้มล้าง ที่ได้เคยเรียกร้องไว้ 10 ประการ เช่น เรียกร้องให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 เรียกร้องให้ยกเลิกส่วนราชการในพระองค์ เรียกร้องให้พระมหากษัตริย์ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในที่สาธารณะได้ เรียกร้องให้การบริจาคหรือรับบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลนั้นทำไม่ได้ และอีกหลายประการด้วยกัน เหล่านี้ล้วนเป็นข้อเรียกร้องที่ไม่เป็นไปตามจารีตประเพณี การปกครอง ในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และสิ่งที่ศาลได้วินิจฉัยไว้ชัดเจนคือ การกระทำของเครือข่ายขบวนการนี้เป็นการล้มล้าง ไม่ใช่การปฏิรูป ความหมายของคำว่าล้มล้าง หมายถึงการเจตนาเผาผลาญให้สูญหายไป ไม่ให้คงมีอยู่ต่อไป อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญคือการที่ขบวนการและเครือข่ายนี้พยายามที่จะอ้างมาโดยตลอดว่ากลุ่มพวกตนนั้น ใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกในการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต แต่ศาลท่านได้บอกว่า การใช้เสรีภาพในการแสดงออกในการแสดงความคิดเห็นนั้น ต้องไม่กระทบกับสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นด้วย ต้องไม่ทำลายความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประเทศชาติและประชาชน ศาลจึงมีคำวินิจฉัยให้เลิกการกระทำดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรค 2

“ต่อไปนี้ต้องจับตาดูขบวนการและเครือข่ายที่มีเจตนาชัดเจนในการล้มล้างการปกครอง เมื่อศาลมีคำวินิจฉัยอย่างนี้แล้ว กลุ่มคนเหล่านี้จะหยุดทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ หยุดสร้างบาดแผลรอยร้าวของคนในชาติ และหยุดสร้างความแตกแยกให้ประเทศชาติหรือไม่"นายสุขสันต์ กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อดีตผู้สมัครสว.ชงอสส.ยื่นศาลฯฟันกกต.ล้มล้างการปกครอง เหตุจะทำให้เกิดวิกฤตร้ายแรง

นายพลภาขุน เศรษฐญาบดี ตัวแทนผู้ประสานงาน คณะราษฎรไทยแห่งชาติ (ครช.) และอดีตผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา(สว.) กลุ่ม 17 จ.นครปฐม เปิดเผยว่า ได้ยื่นเรื่องขอให้อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กรณี บุคคล 8 คน

'ไทยภักดี' ชงทางออกปชต.อัญเชิญสถาบันฯร่วมเป็นองค์ประกอบทางการเมืองเพื่อสร้างดุลย์

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง ทางออกประชาธิปไตยไทย มีเนื้่อหาดังนี้

'วรงค์' จวกทักษิณนับวันจะยิ่งเลอะ ตัวเองพูดไปเรื่อย แล้วไปโทษคนอื่น

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า #ทักษิณนับวันจะยิ่งเลอะ ผมเข้าใจว่า นักโทษอย่างนายทักษิณ นับวันจะยิ่งเลอะไปใหญ่

ป.ป.ช. เรียก 'มงคลกิตติ์' ชี้แจงปมร่วมชุมนุมม็อบล้มเจ้า ชูสามนิ้ว ปี 63

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้ทำหนังสือลงวันที่ 5 มิ.ย. 2567 ส่งถึงนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ใจความระบุว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวน