ศาลฎีกาพิพากษายืนให้ 'อีซูซุ' ชนะคดี ไม่ต้องจ่ายภาษี 1.8 พันล้าน

23 ก.ย. 2565 – เมื่อเวลา 10.15 น. ที่ศาลภาษีอากร ศูนย์ราชการ ถนนเเจ้งวัฒนะ องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากร อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา โดยวิธีถ่ายทอดภาพและเสียงผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ไปยังศาลภาษีอากรกลางในคดีที่ บริษัทอีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง กรมศุลกากร และกรมสรรพากร เป็นจำเลยที่ 1 – 2 รวม 4 คดี คิดเป็นทุนทรัพย์รวม 1.8 พันล้านบาทเศษ

คดีทั้งสี่เรื่องโจทก์ฟ้องว่า ระหว่าง ปี 2542 – 2545 โจทก์นำเข้าเข้าชุดเกียร์รถยนต์จากประเทศฟิลิปปินส์ โดยใช้สิทธิลดอัตราอากร เหลือร้อยละ 5 ตามประกาศกระทรวงการคลังที่ ศก. 17/2541(ครอ.1) และตามความตกลงพื้นฐานว่า ด้วยโครงการความร่วมมือทางอุตสาหกรรมของอาเซียน (AICO) แต่เจ้าพนักงานประเมินและ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์นำชุดเกียร์รถยนต์ไปผลิตหรือประกอบเป็นรถบรรทุกเล็ก ไม่ตรงกับรุ่นของรถยนต์ตามที่ระบุไว้ในใบรับรองผลิตภัณฑ์ จึงไม่ได้รับสิทธิลดอัตราอากรตามโครงการ AICO และต้องเสียอัตราอากรร้อยละ 42 โจทก์ขอให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์

จำเลยทั้งสองให้การว่า การประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว

ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษายืน

โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากร เห็นว่า ผลิตภัณฑ์ของโจทก์ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ตามโครงการ AICO ตามใบรับรองผลิตภัณฑ์ คือ ชุดเกียร์รถยนต์ ซึ่งหมายถึง ชื่อของชุดเกียร์ หมายเลขของชุดเกียร์ ยี่ห้อของ ชุดเกียร์ และรุ่นของชุดเกียร์ ส่วนรุ่นของรถยนต์ที่ระบุไว้ในใบรับรองผลิตภัณฑ์เป็นเพียงรหัสรุ่นของ รถยนต์ที่จะนำชุดเกียร์ไปประกอบ ซึ่งไม่ใช่สาระสำคัญในการได้รับสิทธิลดอัตราอากรตามประกาศ กระทรวงการคลังที่ ศก.17/2551(ครอ.1) โจทก์จึงได้รับสิทธิลดอัตราอากรเหลือร้อยละ 5 ภายใต้ โครงการ AICO และประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าว

ส่วนที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า โจทก์นำเข้าชุดเกียร์ น้อยกว่าที่ได้รับอนุมัติ บริษัทอีซูซุ เอ็นยิ่น แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ไม่ส่งออกเครื่องยนต์ตาม ข้อตกลงที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการ AICO และโจทก์ขาดคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการ AICO เป็นการเพิ่มเติมประเด็นอื่นขึ้นใหม่ในชั้นศาล ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เพิ่งยกขึ้นมาใหม่นอกเหนือจากที่ เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินไว้เพื่อให้โจทก์ต้องรับผิด เท่ากับเป็นการขยายระยะเวลาการประเมิน และประเด็นการประเมินโดยไม่มีที่สิ้นสุดและไม่แน่นอน ไม่เป็นธรรมกับผู้ต้องเสียภาษีอากร และไม่ชอบด้วยหลักการประเมินและการอุทธรณ์การประเมิน ศาลไม่รับวินิจฉัย เมื่ออากรขาเข้าลดลงภาษีมูลค่าเพิ่มที่ โจทก์ต้องรับผิดตามการประเมินก็ต้องลดลงไปโดยผลของกฎหมายด้วย โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดชำระค่าภาษีอากรตามการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ พิพากษายืน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลเข้มยึดบุหรี่ไฟฟ้าผ่านแดน กว่า 2 แสนชิ้น

กรมศุลกากรขานรับนโยบายปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยึดบุหรี่ไฟฟ้าผ่านแดน กว่า 2 แสนชิ้น มูลค่า 33.07 ล้านบาท

อีซูซุ ชูกลยุทธ์ “Isuzu Trusted Buddy” ตอกย้ำคุณค่าแบรนด์ เคียงข้างลูกค้า เคียงคู่สังคมไทย

ตลาดรถยนต์เมืองไทยได้รับผลกระทบจากการหดตัวอย่างรุนแรงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักเนื่องมาจากความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ

จับจริง! ของหนีภาษี กรมศุลฯจับแล้ว กว่า 780 ล้านบาท เดินหน้าปราบปรามเข้ม

รัฐบาลย้ำ จับจริง!ของหนีภาษี กรมศุลฯจับแล้ว ตุลาถึงมกรา 68 มูลค่ากว่า 780 ล้านบาท เดินหน้าปราบปรามเข้ม ปกป้องผลผระโยชน์ประชาชนจากของผิดกฎหมาย

'เอกนัฏ' ลุยต่อ ไม่สนถูกตั้งค่าหัว สั่งปิดกิจการ 3 บริษัท พร้อมฟัน 5 ข้อหาหนัก

'เอกนัฏ' เมินถูกตั้งค่าหัว สั่งขยายผลจับกุม-ขยายผล รง.กำจัดกากอุตฯเถื่อน อ.พนมสารคาม ฐานร่วมกันเคลื่อนย้ายทำลายของกลาง ลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ ฟัน 5 ข้อหาหนัก พร้อมสั่งระงับกิจการรวม 3 บริษัทที่ตั้งในพื้นที่เดียวกัน