'นักไวรัสวิทยา' เผยพบผู้ป่วยติด 'ไวรัสอีโบล่า' ใน 'ยูกันดา' วัคซีนไม่สามารถป้องกันได้ ถ้าระบาดเป็นปัญหาแน่

'ดร.อนันต์'เผย ประเทศอูกันดาพบผู้ป่วยติดไวรัสอีโบล่าอย่างน้อย 1 ราย เป็นสายพันธุ์ที่เชื่อว่าหายไปจากธรรมชาติแล้ว ข่าวร้าย วัคซีนไม่สามารถป้องกันได้ ถ้าระบาดจะเป็นปัญหา ผู้ติดเชื้อมีอัตราเสียชีวิตสูงถึง 70%

21 ก.ย.2565 - ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ(ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก ระบุว่า

วันนี้ที่ประเทศอูกันดาพบผู้ป่วยติดไวรัสอีโบล่าอย่างน้อย 1 ราย (อีก 8 รายยังไม่ยืนยัน) แต่ที่เป็นข้อมูลที่น่ากังวลคือ ไวรัสที่พบในผู้ป่วยรายนี้คือสายพันธุ์ซูดาน ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่เชื่อว่าหายไปจากธรรมชาติแล้ว เพราะครั้งสุดท้ายที่พบเกิดขึ้นในปี 2012 หรือ เมื่อ 10 ปีก่อน เนื่องจากงานวิจัยไวรัสอีโบล่าในผ่านมาในช่วง 10 ปี จะเน้นไปที่มี่ไวรัสสายพันธุ์ที่พบบ่อยคือ สายพันธุ์ซาร์อี ซึ่งรวมถึงวัคซีนอีโบล่า 2 ชนิดที่ใช้ด้วย

ข่าวร้ายคือ วัคซีนของสายพันธุ์ซาร์อีไม่สามารถป้องกันสายพันธุ์ซูดานได้ เท่ากับว่า ถ้าสายพันธุ์ซูดานพบการระบาดมากขึ้น จะเป็นปัญหาเรื่องไม่มีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพใช้ควบคุมโรค

เทียบกับสายพันธุ์ซาร์อี สายพันธฺุซูดานมีความรุนแรงน้อยกว่าเล็กน้อย แต่ทั้งสองสายพันธุ์เป็นไวรัสที่รุนแรงสูงทั้งคู่ ผู้ติดเชื้อมีอัตราเสียชีวิตได้สูงถึง 70%
https://bnonews.com/.../uganda-declares-outbreak-rare.../

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'นักไวรัสวิทยา' สรุป 3 สายพันธุ์ 'โรคฝีดาษลิง' ความรุนแรงอาจขึ้นอยู่กับช่องทางการติดเชื้อ

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า