อ่านเลย กรมการขนส่งทางบกแนะนำข้อมูล 'น้ำท่วมระดับไหน ไม่ควรขับรถลุย'

11 ก.ย. 2565 – กรมการขนส่งทางบก โดยเพจ ขับขี่ปลอดภัย by DLT ได้ให้ข้อมูลสำหรับการขับขี่รถยนต์และมอเตอร์ไซค์ ในพื้นที่น้ำท่วม ว่า ควรตัดสินใจอย่างไร กับระดับน้ำ ที่ท่วมขังบนท้องถนน

โดยระบุว่า เมื่อมีโอกาสพบกับสถานการณ์ #ขับรถลุยน้ำท่วม แบบไม่ทันตั้งตัว ผู้ขับรถควรประเมินความสูงของระดับน้ำขังก่อนตัดสินใจ เพื่อความปลอดภัย จึงขอนำ ‘น้ำท่วมระดับไหน ไม่ควรขับรถลุย’ มาฝากกัน

ระดับน้ำ 5-10 ซม. ขับผ่านได้ทุกคัน แต่ยังต้องมีสติ ระมัดระวัง ไม่ควรใช้ความเร็วสูง อาจทำให้สูญเสียการควบคุมได้ เพราะถนนลื่น

ระดับน้ำ 10-20 ซม. รถทุกประเภทยังขับผ่านไปได้ รถขนาดเล็กอาจได้ยินเสียงน้ำใต้ท้องรถ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะยังมีโอกาสที่น้ำจะเข้าไปในตัวรถ

รถอีโคคาร์ต้องระวัง ระดับน้ำ 20-40 ซม. เพราะส่วนใหญ่ถูกออกแบบให้มีความสูงจากระดับพื้น 15-17 ซม. อาจทำให้เกิดปัญหาท่อไอเสียจม แต่ยังสามารถขับลุยน้ำผ่านได้ ส่วนรถกระบะยังผ่านไปได้

ระดับน้ำ 40-60 ซม. รถเก๋ง รถขนาดเล็กต้องเลี่ยง รถกระบะยังฝ่าไปได้ปิดแอร์ขณะขับ ป้องกันพัดลมแอร์หน้ารถดูดละอองน้ำเข้าไปในเครื่องยนต์ จะทำให้เครื่องยนต์ดับ ขับขี่ให้ช้าลง ลดการเกิดคลื่นน้ำซัดเข้าหารถ จากรถคันอื่น ๆ เพื่อลดความเสี่ยงที่น้ำจะกระจายเข้าสู่ห้องเครื่องยนต์

ระดับน้ำ 60-80 ซม. อันตรายต่อรถทุกคัน

ไม่ควรขับลุย เพราะน้ำอาจไหลเข้าห้องเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์ดับ หยุดชะงัก ก่อให้เกิดความเสียหายในระบบต่างๆ ได้ ซึ่งการขับลุยน้ำท่วมระดับนี้ต้องใช้ความชำนาญเป็นพิเศษ ที่สำคัญอย่าปะทะคลื่นโดยตรง เพื่อหลีกเลี่ยงเครื่องดับกลางอากาศ

ระดับน้ำสูงเกินกว่า 80 ซม. ควรใช้เส้นทางอื่น

หลังจากขับรถลุยน้ำ อย่าลืมตรวจเช็คการทำงานของระบบเบรก เหยียบเบรกย้ำๆ เพื่อไล่น้ำออก และขับขี่ให้ช้าลง เพื่อความปลอดภัยของทุกคน

ขณะที่ เมื่อรถมอเตอร์ไซค์ต้องลุยน้ำ ขับขี่อย่างไรจึงจะปลอดภัย ระดับน้ำต้องสูงไม่เกิน 1 ฟุตจากพื้นถนน ห้ามท่วมถึงกรองอากาศ หรือสูงเกินท่อไอเสีย

ผู้ขับขี่ต้องมีทักษะการขับขี่ที่ดีโดยคำนึงความปลอดภัยของตนเองและเพื่อนร่วมทาง ดังนี้

ไม่ควรขับขี่ด้วยความเร็วสูง ให้ใช้เกียร์ต่ำ รักษาความเร็วให้คงที่ในระหว่างลุยน้ำ เพราะพื้นถนนอาจมีหลุมบ่อที่ผู้ขับขี่มองไม่เห็น อาจเกิดอุบัติเหตุได้

หากเครื่องยนต์ดับ ห้ามสตาร์ทรถโดยเด็ดขาดให้รีบเข็นไปไว้บนที่แห้ง แล้วทำการตรวจเช็ก และระบายน้ำออกจากท่อไอเสียด้วยการสตาร์ทเครื่องและเร่งเครื่องไว้สัก 3-5 นาที ให้เครื่องยนต์เกิดความร้อนแล้วจึงขับต่อไปได้

อย่าเพิ่งดับเครื่องยนต์เมื่อถึงที่หมาย ให้ติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ เพื่อให้ความร้อนในท่อไอเสียไล่น้ำออกจากระบบ ช่วยลดการเกิดสนิมในท่อไอเสีย ช่วยรักษาเครื่องยนต์

หลังลุยน้ำ ผู้ขับขี่สามารถตรวจสภาพรถเบื้องต้นด้วยตนเอง โดยปัญหาที่มักเกิดขึ้น คือ นำ้มันโซ่แห้ง จากการโดนน้ำเป็นระยะเวลานาน ควรรีบหยอดน้ำมันเพื่อเป็นการถนอมโซ่และความปลอดภัยในการขับขี่

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แตกตื่น! 'โล้นหนูที' ขับรถตู้นั่งชมวิวหาดนาจอมเทียนกลางคืน คณะสงฆ์จับสึกทันควัน

เมื่อเวลา 00.10 น.วันที่ 2 ก.ค.67 นายอุดม สุวรรณฆะนะ ผู้ใหญ่บ้านนาจอมเทียนหมู่ 1 พร้อมผู้ช่วยฯ ได้ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบ บริ

ประกาศตำรวจ ยกเว้นให้คนโดยสารไม่ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยในรถบางประเภท

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติเรื่อง การยกเว้นให้คนโดยสารไม่ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยในรถบางประเภท

เช็กที่นี่ ‘กรมทางหลวง’ แจ้งข้อมูลเส้นทางน้ำท่วมผิวจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล

-รายงานข่าวจากกรมทางหลวง (ทล.)โดยสำนักงานทางหลวงที่ 13 (กรุงเทพ) ขอรายงานภาพรวมน้ำท่วมบนผิวจราจร บนเส้นทางโครงข่ายทางหลวง ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลทั้ง 26 จุดเฝ้าระวัง

สภาทนายโดดช่วยเหยื่อเด็กขับเก๋งชนดับ เล็งโทษจ่อถึงพ่อแม่

สภาทนายความไม่อยู่เฉย ยื่นมือเข้าช่วยครอบครัวบัณฑิตใหม่ ถูกเยาวชนขับรถบีเอ็มชนดับคาที่  ชี้บิดามารดาอาจต้องร่วมรับผิด

'บีม ศรัณยู' โพสต์โดนกรมเจ้าท่าสั่งปรับพร้อมริบใบอนุญาต 30วัน

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ดาราหนุ่ม บีม-ศรัณยู ประชากริช ได้เป็นกระแสร้อนแรงในโซเชียล เมื่อเจ้าตัวไลฟ์สดโชว์ “พลังใบ” ด้วยการกินใบกระท่อมแล้วขับเรือ และ ขับรถอย่างน่าหวาดเสียว ทั้งใช้เข่าบังคับพวงมาลัยรถ ขับรถมือเดียว และตะโกนเสียงดังโวยวาย ลงในเพจเฟซบุ๊ก BeamSaranyoo จนเกิดการวิจารณ์อย่างมากในโซเชียล ซึ่งภายหลังเจ้าตัวได้ไลฟ์ขอโทษถึงการกระทำดังกล่าว