กสม.ชี้เจ้าหน้าที่ คฝ.ละเลยดูแลประชาชนเหตุสลายม็อบแฟลตดินแดง

กสม.ชี้เจ้าหน้าที่ คฝ.ละเลยให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ กรณีนายมานะ หงษ์ทอง ได้รับบาดเจ็บสาหัสในการสลายการชุมนุมที่แฟลตดินแดง จี้ สตช.ให้ย้ำถึงเรื่องสิทธิมนุษยชน และเร่งคดี

08 ก.ย.2565 - นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเผยว่า เมื่อเดือนมีนาคม 2565 กสม.ได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายกสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.) ขอให้ตรวจสอบกรณีนายมานะ หงษ์ทอง วัย 64 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ศีรษะโดยอ้างว่าเป็นผลมาจากการใช้กระสุนยางในการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน (เจ้าหน้าที่ คฝ.) เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2564 บริเวณแฟลตดินแดง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเหตุเกิดขณะที่นายมานะกำลังเดินทางกลับที่พักอาศัยโดยที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุม อาการบาดเจ็บดังกล่าวเป็นผลให้นายมานะต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นระยะเวลากว่าหนึ่งเดือน และกลับมารักษาตัวต่อที่บ้านพักโดยไม่สามารถสื่อสาร เดิน และทำกิจธุระส่วนตัวด้วยตนเองได้ ต่อมา นายมานะได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2565 โดยมีสาเหตุมาจากอาการแทรกซ้อนของโรคโควิด 19 ทั้งนี้ ผู้แทนโดยชอบธรรมของนายมานะได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจนครบาลดินแดงแล้ว แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า และยังไม่ได้รับการชดเชยเยียวยา จึงขอให้ตรวจสอบ

กสม. เห็นว่า กรณีดังกล่าวมีประเด็นที่ต้องพิจารณาว่า การปฏิบัติหน้าที่ในการควบคุมการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ คฝ. ผู้ถูกร้องในวันดังกล่าว มีการกระทำหรือการละเลยการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อนายมานะ หรือไม่ โดยเห็นว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้รับรองสิทธิในชีวิตและร่างกายของบุคคล และสิทธิในการที่จะได้รับการเยียวยาโดยรัฐจากการถูกละเมิดสิทธิและเสรีภาพหรือจากการกระทำความผิดอาญาของบุคคลอื่น การรับรองสิทธิเช่นนี้ย่อมก่อหน้าที่ให้แก่รัฐที่จะต้องปกป้องคุ้มครองและดำเนินมาตรการชดเชยเยียวยาให้แก่ผู้ถูกละเมิดอย่างเหมาะสม โดยที่การเยียวยาหมายความรวมถึงการสืบสวนสอบสวนทำให้ข้อเท็จจริงกระจ่างชัด สามารถนำตัวผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและลงโทษอย่างเหมาะสมได้ภายในระยะเวลาอันควร นอกจากนี้ ตามหลักสากลเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในการควบคุมดูแลการชุมนุมนั้น เจ้าหน้าที่ของรัฐยังมีหน้าที่ให้ความคุ้มครองแก่สื่อมวลชน ผู้สังเกตการณ์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ทางการแพทย์ และประชาชนทั่วไปซึ่งอยู่ในพื้นที่การชุมนุมให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง ทั้งยังมีหน้าที่ที่จะต้องให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์แก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บในพื้นที่การชุมนุมโดยเร็วที่สุดด้วย

จากการตรวจสอบ แม้ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงที่สามารถสรุปได้อย่างแน่ชัดว่าสาเหตุการบาดเจ็บของนายมานะเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ คฝ. แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าในช่วงเวลาที่คาดว่านายมานะได้รับบาดเจ็บ พบเจ้าหน้าที่หลายนายประจำการอยู่ในพื้นที่ โดยบริเวณที่เกิดเหตุมีไฟส่องสว่างชัดเจน ทั้งยังไม่มีสิ่งกีดขวางมาบดบังที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ คฝ. มองไม่เห็นนายมานะซึ่งนอนหมดสติอยู่ที่พื้น และไม่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ได้แจ้งหรือประสานไปยังหน่วยแพทย์ให้เข้ามาดูแลรักษา แต่กลับปล่อยให้นายมานะนอนหมดสติอยู่ในบริเวณดังกล่าวกระทั่งมีประชาชนผ่านมาพบและแจ้งอาสาสมัครทางการแพทย์ให้เข้ามาดูแลช่วยเหลือเอง การเพิกเฉยดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ คฝ. จึงอาจเพิ่มความเสี่ยงให้นายมานะได้รับอันตรายจากการไม่ได้รับการปฐมพยาบาลอย่างทันท่วงที พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นนี้นอกจากจะสะท้อนให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถคุ้มครองความปลอดภัยในสถานการณ์การชุมนุมให้แก่ประชาชนทั่วไปที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมแล้ว ยังถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่สอดคล้องกับหลักสากลที่ได้วางมาตรฐานให้เจ้าหน้าที่ คฝ. ให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์แก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บโดยเร็วที่สุด พฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ คฝ. ผู้ถูกร้องจึงถือเป็นการละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษชน

สำหรับประเด็นการเยียวยา แม้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจะมอบเงินช่วยเหลือให้แก่ทายาทของนายมานะแล้วเมื่อวันที่ 11 พ.ค.2565 แต่ กสม. มีข้อสังเกตว่า อาจยังไม่เพียงพอและเหมาะสม เพราะนอกจากการชดเชยเยียวยาในรูปของตัวเงินแล้ว ควรรวมไปถึงการสืบสวนสอบสวนเพื่อทำให้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์การละเมิดสิทธิและเสรีภาพหรือการกระทำความผิดทางอาญาได้รับการคลี่คลายข้อสงสัยและนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีข้อสงสัยว่าผู้กระทำเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ อย่างไรก็ดี จากข้อเท็จจริงปรากฏว่าคดีความที่ทายาทของนายมานะได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ยังอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลดินแดง ซึ่งนับเป็นระยะเวลาที่เนิ่นนานพอสมควรแล้ว กรณีนี้จึงยังไม่อาจถือได้ว่าหน่วยงานของรัฐได้ทำหน้าที่คุ้มครองสิทธิที่จะได้รับการเยียวยาให้แก่นายมานะและครอบครัวอย่างเหมาะสมและไม่สามารถประกันสิทธิในกระบวนการยุติธรรมในการที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างรวดเร็วได้

กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและมาตรฐานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 5 ก.ย.2565 จึงเห็นควรมีข้อเสนอแนะไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปได้ดังนี้ 1.มาตรการในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องกำชับให้เจ้าหน้าที่ คฝ. ใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งในการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมดูแลการชุมนุม โดยเฉพาะเมื่อต้องมีการใช้กำลังและเครื่องมือควบคุมฝูงชนที่อาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บหรืออันตรายต่อผู้ชุมนุมและประชาชนโดยทั่วไป และกำชับให้ดำเนินการจัดหาเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และเครื่องมืออุปกรณ์ปฐมพยาบาลที่มีความเหมาะสม มาสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่การชุมนุมอย่างเพียงพอทุกครั้ง และไม่ว่าสถานการณ์ในพื้นที่การชุมนุมจะร้ายแรงเพียงใด สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องกำชับไปยังเจ้าหน้าที่ คฝ. ให้ตระหนักถึงหน้าที่ในการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นอันดับแรก รวมถึงต้องอำนวยความสะดวกต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ในการช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บทุกกรณีด้วย

นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องทำการสอบสวนกรณีที่ปรากฏว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ คฝ. รายใดทำการแจ้งหรือประสานไปยังเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ให้เข้ามารักษาพยาบาลนายมานะ หงษ์ทอง ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสในพื้นที่การชุมนุมอย่างทันท่วงที โดยหากพบข้อเท็จจริงจากการสอบสวนว่ามีการเพิกเฉยละเลยเกิดขึ้น ก็ให้ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาดังกล่าวตามสัดส่วนของหน้าที่ความรับผิดชอบ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งรายงานผลการตรวจสอบนี้

และ 2.มาตรการในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องสั่งการไปยังสถานีตำรวจนครบาลดินแดงให้เร่งรัดการสืบสวนสอบสวนคดีของนายมานะ และนำผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการคลี่คลายข้อสงสัย และประกันความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมให้แก่ประชาชน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สนธิญา' ยื่น 'กสม.' สอบ 'ทักษิณ' ละเมิดสิทธิ์ หานักร้องเป็นหมา

ที่สำนักงาน​คณะกรรมการ​สิทธิมนุษยชน​แห่ง​ชาติ​ (กสม.)​ นายสนธิญา สวัสดี เดินทางยื่นหนังสือ พร้อมหลักฐานภาพข่าวการหาเสียงนายก องค์การ

ลุ้นระทึก!ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดถก ปมคดี 'บิ๊กโจ๊ก' ถูกให้ออกจากราชการ

ที่ศาลปกครองกลาง ถนนเเจ้งวัฒนะ นายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานการประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด

กสม. ชื่นชมรัฐบาล เร่งรัดกระบวนการกำหนดสถานะบุคคลแก่ผู้ที่ยังมีปัญหาไร้รัฐไร้สัญชาติ

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงว่า ตามที่รัฐบาลประกาศเจตนารมณ์ไว้ในการประชุมระดับสูงว่าด้วยความไร้รัฐ (High-Level Segment on Statelessness) เ

กสม.ชงนายกฯ ทบทวนปิดศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าว ห่วงผลกระทบเป็นลูกโซ่

'กสม.' มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้คุ้มครองสิทธิเด็กลูกหลานแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นระบบ ทบทวนมาตรการปิดศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าว ห่วงผลกระทบกว้างขวางเป็นลูกโซ่

กสม. ชี้การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในเหตุการณ์ที่ 'สารวัตรกานต์' เสียชีวิต เป็นการละเมิดสิทธิฯ

กสม. ชี้ การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเหตุการณ์ที่ 'สารวัตรกานต์' เสียชีวิต เป็นการละเมิดสิทธิฯ แนะ ตร. อบรมเสริมความรู้ด้านการบริหารเหตุการณ์วิกฤติ